วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2550
เหตุผลที่ผมไล่เลขาผมออก
อาทิตย์ที่แล้วเป็นวันเกิดของผม
เป็นเช้าที่ผมตื่นมาแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่
จากนั้นผมก็เลยลงไปทานอาหารเช้า
โดยหวังว่าภรรยาผมจะแฮปปี้เบิร์ดเดย์กับผม
แล้วก็มีของขวัญเล็กๆสักชิ้นให้
แต่กลับกลายเป็นว่าเธอไม่แม้แต่จะอรุณสวัสดิ์ผม
ลืมไปได้เลยเรื่อง แฮปปี้เบิร์ดเดย์ อ่ะ
ผมก็คิดเอาว่า เอาน่านี่แหละการแต่งงาน
แต่ ลูกผมไง
พวกเค้าจะจำวันนี้ได้
แต่ลูกผมก็ลงมาทานข้าวข้างล่างแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรซักคำเลย
จากนั้นผมก็ไปออฟฟิศ ไปทำงาน ด้วยความรู้สึกต่ำต้อย และ ค่อนข้างแย่
พอผมไปถึงออฟฟิศ
เจน เลขาผมก็เข้ามาทักว่า "สวัสดีค่ะเจ้านาย" แล้วก็
"สุขสันต์วันเกิดนะคะ"
ผมก็รู้สึกดีที่ว่าอย่างน้อยก็มีซักคนที่จำวันเกิดผมได้น่า
จากนั้นผมก็ทำงานไปเรื่อยๆจนถึงบ่ายโมง
แล้วเจน ก็มาเคาะประตูห้องผมแล้วถามว่า
"วันนี้ช่างเป็นวันที่อากาศดีจริงๆเลย แล้ววันนี้ก็เป็นวันเกิดเจ้านายด้วย
ทำไมเราไม่ไปกินข้าวเที่ยงกันสองต่อสอง แค่ฉันกับคุณ"
พอได้ยินอย่างนั้น ผมก็ตอบไปว่า "แน่นอนสิ นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้ยินตั้งแต่เช้าเลยนะ"
จากนั้นเราก็ไปทานข้าวเที่ยงกัน
แต่เราไม่ได้ไปที่เราไปกินกันตามปกติ
เจนเลือกร้านที่ค่อนข้างเงียบๆ (เป็นส่วนตัว)หน่อย
แล้วเราก็เลือกโต๊ะเฉพาะไว้
เราก็สั่งมาร์ตินี่มาดื่มกันคนละสองแก้ว
จากนั้นระหว่างทางกลับไปออฟฟิศ
เจนบอกกับผมว่า "วันนี้ช่างเป็นวันที่อากาศดีจริงๆเลย
เราคงไม่ต้องรีบกลับกันไปที่ออฟฟิศจริงๆใช่มั้ยเนี่ย"
ผมก็ตอบไปว่า "อืม คงไม่จำเป็นมั้ง ว่าแต่ เจน คุณคิดว่าไงล่ะ"
เจนเลยตอบว่า "งั้นแวะไปอาพาร์ทเม้นชั้นก่อนมั้ยล่ะ อยู่แค่ตรงหัวมุมด้านหน้านี่เอง"
พอเราไปถึงอาพาร์ทเม้นของเจน
เจนก็บอกกับผมว่า "บอสค่ะคุณคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยถ้าฉันจะเข้าไปในห้องนอนซักพักนึงก่อน แล้วจะกลับมาหาบอสนะคะ"
ผมก็ตอบ "โอเค" ไปแบบตะกุกตะกัก ไม่มั่นใจ
เจนก็เข้าไปในห้องของหล่อนแป๊ปนึง
จากนั้นเธอก็ออกมา พร้อมกับเค๊กวันเกิดก้อนใหญ่
พร้อมกับ ภรรยาผม ลูกๆผม เพื่อนๆของผมเป็นขโยง เพื่อนร่วมงาน แล้วทุกคนก็ร้องเพลง สุขสันต์วันเกิดให้ผม..
แล้วผมก็นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น
บนโซฟาของเจน......
......แบบเปลือยกายอยู่.......
วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
เทคนิคการดื่ม Black 5 Label ชั้นเทพ (ถูกใจพวกคอเมาเค้าล่ะ)
รู้จักคำว่า ' เสียของ ' กันบ้างมั้ย ? คนไทยเราน่ะ ชอบทำให้เสียของอยู่เรื่อย
โดยเฉพาะนิสัย ' การดื่มแบบผสมมิกเซอร์ ' ทั้งหลาย
นั่นแหละคือการทำให้วิสกี้ชั้นดีที่บางทีไม่ควรผสมใดๆ ต้อง ' เสียของ '
วันนี้จะหยิบเอาเรื่องวิสกี้ตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ มาพูดกันซะหน่อย
เพราะว่าตระกูลนี้มีหลาย ' เลเบิ้ล ' เหลือเกิน ซึ่งมีวิธีการดื่มเฉพาะซะด้วย
เริ่มจาก ' เรด เลเบิ้ล ' (Red Label) กันก่อนเลยดีกว่า
จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล น่าจะดูถูกใจคนไทยที่สุด
เพราะน้องเล็กสุดขวดนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการดื่มตลอดค่ำคืน
พูดง่ายๆ ก็คือกินได้นานๆ สนุกสนานกันทั้งคืนนั่นแหละ
แถมวิธีการกินที่ถูกต้องนั้น ก็ต้องผสมกับ ' มิกเซอร์ ' ทั้งหลาย
อันเป็นวิธีการดื่มที่นิยมในหมู่คนไทยอยู่แล้วซะอีก
ตอนนี้ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล ก็เลยขายดีที่สุดไปโดยปริยาย
ง่ายๆ จะใส่น้ำแข็ง ผสมโคล่า ชามะนาว หรือโซดาก็ได้ทั้งนั้น
สุดแล้วแต่ว่าจะชอบรสชาติแบบไหนหลังผสมมิกเซอร์แล้วเท่านั้นเอง
แต่นักดื่มมืออาชีพมักนิยมผสมน้ำก่อนแล้วจึงผสมโซดาตามลงไป
ในอัตราส่วน2:1 หรือที่เรียกกันว่า " โซดาลอย " นั่นเอง...
ผสมเสร็จก็ เอ็นจอย ดริ๊งกิ้ง กันได้ทั้งคืน ( แต่อย่าขับรถหลังดื่มนะ )
โตขึ้นมาหน่อย กับความเคร่งขรึมแบบ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล
วิสกี้ชั้นดีจากการหมักบ่มเพื่อให้ได้รสชาติที่คลาสสิกที่สุดนานถึง 12 ปี
วิธีการดื่มที่ถูกต้องนั้นก็คลาสสิกไม่แพ้รสชาติของตัววิสกี้
ง่ายๆ เท่ๆ ดูดีด้วยสไตล์ที่เรียกกันว่า ' ออน เดอะ ร็อก ' นั่นเอง
หรือถ้าอยากย๊ากอยากจะผสมมิกเซอร์เหลือเกิน
ก็ต้องใส่น้ำแข็งเข้าไปเยอะๆ วิสกี้ ครึ่งแก้ว และโซดาอีกครึ่งแก้ว
แค่นี้แหละ ก็จะได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล
มาถึงวิสกี้ตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ที่ไม่ค่อยจะเห็นบ่อยนักบ้างดีกว่า
เริ่มจาก จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิ้ล อายุ 18 ปีกันก่อน
แค่นำ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิ้ล ไปใส่ในช่องแช่แข็งสัก 24 ชั่วโมง
ถ้าที่ในช่องแช่แข็งยังเหลือก็นำแก้วทรงสูงเปล่าๆ แช่ไว้ด้วย
พอได้เวลา ก้รินใส่แก้วที่แช่ไว้ข้างกันๆ นั่นแหละ แล้วดื่มเข้าไปเลย
ทันทีที่วิสกี้เย็นจัดปะทะกับความอุ่นในปาก กลิ่นหอมหวนนุ่มลิ้นจะอบอวล
แหม... ยิ่งถ้ามีช็อกโกแล็ตดีๆ ไว้กินเข้าคู่ล่ะก็ จะเป็นความสุขที่ลืมไม่ลงเลย เชียว
ส่วน จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กรีน เลเบิ้ล ที่มีจำหน่ายแบบจำกัดประเทศนั้น
หาน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ สักก้อน ใส่ในแก้วปากกว้างเพียงแค่ก้อนเดียว
ไม่ต้องกลัวว่าน้ำแข็งก้อนนั้นจะเหงา เพราะเราจะเฝ้ามองอย่าทะนุถนอม
จากนั้นริน จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กรีน เลเบิ้ล ลงไปไม่ต้องท่วมน้ำแข็ง
แกว่งแก้วเล็กน้อย ให้อุณหภูมิของวิสกี้ชะอุณหภูมิของน้ำแข็งก้อนโต
ดมกลิ่นวิสกี้ที่ระเหยขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนลิ้มรสวิสกี้ที่อุณหภูมิพอเหมาะพอดี
งานนี้จะได้ รสชาติ กลิ่น และแสงที่วิสกี้ตกกระทบกับก้อนน้ำแข็งชวนมอง
( อันนี้เคยเสียของมาครั้งหนึ่งแล้ว )
ปิดท้ายกันที่วิสกี้ชั้นสูง จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล อายุ 25 ปี
ที่หมักบ่มจากมอลต์คุณภาพสูง ตามวิธีการคลาสสิกแบบศตวรรษที่ 19
วิธีการดื่มวิสกี้ชั้นสูงนี้ก็คลาสสิกมาก เตรียมแก้วบรั่นดีสวยๆ ไว้สัก 2 ใบ
แก้วนึงรินวิสกี้รอไว้ ส่วนอีกแก้วนึงรินน้ำแร่เย็นๆ ไว้เช่นกัน
ดื่มน้ำแร่เย็นๆ เพื่อปรับอุณหภูมิในช่องปากกันก่อน
จากนั้นจิบ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ในแก้วบรั่นดีอีกใบตาม
เมื่อน้ำแร่เย็นๆ ที่หลงเหลืออยู่ในช่องปากผสมกับวิสกี้ชั้นดีนี้
รสชาติที่แอบซ่อนจะซึมผ่านเพดานปากไปมัดใจนักดื่มเหล้าทั้งหลายไม่รู้ลืม
เสร็จสิ้นครบทั้ง 5 เลเบิ้ลของตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กันแล้ว
ต่อจากนี้นักดื่มเหล้าชาวไทยทั้งหลาย ก็จะดื่มได้แบบไม่เสียของกันแล้ว
แต่ที่สำคัญที่สุด ดื่มแล้วจะมึนน้อยหรือมึนมาก ก็อย่าขับรถเลย
เก็บชีวิตที่มีค่าไว้สัมผัสกับสิ่งดีๆ ที่รอเราอยู่มากมายในวันข้างหน้าดีกว่า ...
ปล. จะดื่มยังไงก็เมาครับพี่น้อง แต่ทำอย่างไรดื่มแล้วจึงจะรู้ถึงรสชาติที่แท้จริง
เพื่อน!! สำคัญเสมอ
ระหว่างเพื่อนกะ แฟน...
++ อาหาร ++
เพื่อน: ข้าว ราดแกง / ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่เกิน 30แดกไรแพงๆวะ เปลืองชิบ
แฟน: กินอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่ ข้าว - สปาเกตตี้
เฟรนฟรายซ์ ซูชิ ฯลฯ สั่ง กันไป… มื้อละร้อยขึ้น
-------------------------- --------------- -----------
++ ข้ามถนน ++
แฟน: ข้ามได้ มั้ย ระวังนะครับ! จับมือผมไว้
เพื่อน: ………อ้าว! เหี้ย… รอกูด้วย(แม่งข้าม ไปนานละ)
-------------------------- ------------------------- -
++ เวลาเดิน ++
แฟน: แนบชิดประหนึ่ง ตัวดูดแบบสุญญากาศ
เพื่อน: เฮ้ย! ไปไกลๆกูหน่อยดิ ร้อนจะตาย ห่า!!
-------------------------- ------------------------- -
++ บนรถเมล์ ++
แฟน: นั่งก่อนเลย ครับ เดี๋ยวผมยืนเอง
เพื่อน: เหยิบหน่อยดิวะ กูจะนั่งด้วย!
--- ----------------------- --------------------------
++ เงิน ++
แฟน: มีเสมอ..จ่ายไม่อั้น
เพื่อน: ไม่มีเสมอ... มึงออกไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูให้(แร้วแม่งก็ชิ่ง)
------------- ------------- --------------------------
++ มา สาย ++
แฟน: ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้
เพื่อน: ทำห่าไรอยู่ วะ มาโคตรช้าเลย สาด ...เลี้ยงข้าวกูเลย(เพิ่งจะมาก่อนแม่ง ได้ 5 นาทีเหมือน กัน)
-------------------------- ------------------------- -
++ ช่วยทำธุระ ++
แฟน: ว่าง เสมอ - อ๋อ ว่างครับ จะให้ไปถึงที่นั่นกี่โมงดี จะได้เตรียมตัวล่วงหน้า
เพื่อน: ไม่เคยว่าง - ขนของย้ายห้องเหรอวะ .. เออ...ที่จริงก็ได้นะ แต่พอดีแม่ กูให้ช่วยพาไปหาญาติๆฝ่ายแม่ว่ะ
แล้วบ่ายๆ ต้องไปหาของฝ่ายพ่ออีก คงไม่ว่างแล้วละ
------------------------- - --------------------------
++ กลับบ้านดึก ++
แฟน: เดี๋ยวผมนั่งรถไปส่งดีกว่านะ กลับคนเดียว อันตราย
เพื่อน: กลับยังไงวะมึง มีค่ารถป่าว แต่กูไม่มีให้ยืมนะ เว้ย
-------------------------- ------------------------- -
++ ป่วย ++
แฟน: เป็นไรมากมั้ย? กิน ยายังคับ ห่มผ้าด้วยนะ(แม่งดูแลแม่อย่างนี้ป่าววะ)
เพื่อน: เป็นห่าไรอีกวะ สำออยอะดิมึง… ออกมาให้ไวเลย แดกเหล้ากัน
-------------------------- -
++ สอนหนังสือ ++
แฟน: ไม่เข้าใจตรงไหนบอกนะ ครับ จะอธิบายให้ใหม่
เพื่อน: กูสอนมึง 3 รอบแล้วนะ ห่านี่ แดกหมาแทนข้าวไง วะ
-------------------------- ------------------------- -
++ วาเลนไทน์ ++
แฟน: ให้คุณได้ ทุกอย่าง ยกเว้น ดาว เดือน และ ขนหน้าอก
เพื่อน: ……………(วันนี้มันไม่มีตัว ตน)
-------------------------- ------------------------- -
++ โดนทิ้ง ++
แฟน: เราไปกันไม่ได้ / อย่า มายุ่งกับเรา / ไปไหนก็ไปรำคาญ (so sad)
เพื่อน: ไม่เป็นไรเว้ย! ช่างแม่ง … มึงยังมีกูอยู่
ถ้าเห็นด้วยกรุณาส่งต่อ (ถ้า ไม่ส่งถือจะว่าไม่เห็นด้วย)
ดีเนอะที่โลกนี้มีคำว่า 'เพื่อน' ^v^
วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2550
กฏแห่งกรรม
1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมายเพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์
2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน
3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน
4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้าน เรือนใหญ่โต เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน
5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน
6. เหตุใดชาตินี้คุณเปนคนสวย และรูปงาม เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน
7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน
8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆคนและมีเพื่อนมากมาย เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน 9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า เพราะคุณเคารพและช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้ญาติในชาติก่อน
10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลาและพรากสัตว์ในชาติก่อน
11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง เพราะคุณเคยปล่อยนกปล่อยปลาสิ่งมีชีวิตในชาติก่อน
12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมายในชาติก่อน 13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้ เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน14. เหตุใดชาตินี้คุณมีดวงตาสดใส เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ 15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปัญญาอ่อนและหูหนวก เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่
16. เหตุใดชาตินี้ต้องเกิดเป็นม้าวัวควายเพราะชาติก่อนเป็นหนี้ไม่จ่ายคืน 17. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษเพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ 18. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย เพราะชาติก่อน คุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์ 19. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณและจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด 20. เหตุใดชาตินี้คุณไม่มีความรักที่แท้จริง เพราะชาติที่แล้วคุณเจ้าชู้และไม่จริงซื่อสัตย์กับคนรัก21. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า
**อ่านเสร็จแล้วถ้าส่งต่อ ก็เหมือนได้ปฏิบัติตามกฏแห่งกรรมในข้อ 21.
ทำซะข้อยังดีกว่าไม่ทำเลย!!!
ต้องอ่าน อ่านแร้ว
ต้องส่งต่อด้วย**
วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2550
คลื่น FM 99.5 รายการดีๆ ที่อยากให้ฟัง
ผมอยากให้คนฟังเพลงลองฟังคลื่นนี้ดู บางคนเค้าว่าต้อง 30+ แต่ผมว่าไม่นะเพราะของดีๆ เราก็อยากให้ฟังกันทุกคน
มีคนเขียนถึง DJ อย่า่งละเอียดไปดูได้ที่นี่ก่อนตัดสินใจฟัง ฟังแล้วก็จะหลงรัก!!
Website ข่าวสารของคลื่นก็ืั้ http://www.radiostar.co.th/
สวัสดีึครับ พี่อ้อ....
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2550
อุทาหรณ์ นักศึกษาสาว ถูก เพื่อนชาย ล้วง ใน โรงหนัง
อุทาหรณ์ นักศึกษาสาว ถูก เพื่อนชาย ล้วง ใน โรงหนัง (ภัยรายวันเตือนภัย นักศึกษา)
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จากปากของน้อง ใบเตย นักศึกษาชื่อดังย่านรามคำแรง ที่เปิดใจ คุยกับทีมงาน เพื่อเป็นอุทาหรณ์ของสาวๆ ที่จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่ออันโอชะ ของผู้ชายที่เห็นแก่ตัว ที่จ้องแต่จะเอาเปรียบผู้หญิง
น้องเตย ตอนนี้อายุ 19 ...หญิงสาว ผิวขาว หน้าตาน่ารัก ตามวัยใส...น้องเตยเล่าให้ฟังว่า เพราะว่า เตย เป็นผู้หญิงที่ดูน่ารัก เตย สูง 167 หนัก 50 ดูเพรียวบางผิวขาวหน้าตาน่ารัก จึงเป็นธรรมดา ที่เตยจะมีหนุ่มๆมาจีบกันตรึม แต่ด้วยที่ยังไม่ถูกใจใครเลย เตยจึงยังไม่มีแฟน น้องเตยเล่าให้ฟังว่า วันนั้น เป็นวันศุกร์ หลังจากเลิกเรียนแล้ว มีเพื่อนชายที่สนิทกัน มาชวนไปดูหนัง ด้วยความที่ไว้ใจเพื่อน ประกอบกับหนังเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เตยอยากดูอยู่พอดี เตยจึงไม่ลังเลที่จะตอบตกลงเพื่อนชายที่คิดว่า เพื่อนกันคงไว้ใจกันได้
น้องเตยเล่าให้เราฟังต่อไปว่า....หลังจากที่เพื่อนของเตย ไปซื้อบัตร แล้วเราเข้าไปนั่งในโรงหนัง วันนั้นโรงหนังดูเงียบๆ โรงเหลง จัง
เพราะอาจจะเป็นวันที่หนังเรื่องนี้ใกล้ออกแล้วกระมัง...แต่เตยก็ ยังนึกเอ๊ะใจ อยู่ว่าทำไม เพื่อนคนนี้จะเลือกที่นั่ง ในแถวที่ไม่มีใครนั่งเลย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คงเพราะวันนี้คนน้อยกระมัง จะทำให้แถวของที่นั่งไม่มีคนมานั่งเลย...แต่เตยหารู้ไม่ว่า ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เตยจะถูกเพื่อนชาย...ล้วง
วันนั้นอากาศในโรงหนังเย็นมากเลย..ประกอบกับไว้ใจเพื่อนคนนี้ด้วย...บรรยากาศในโรงหนังวันนั้น มันเย็นมาก แล้วก็ มืดพอสมควร แล้ววันนั้น เตยก็นุ่งกระโปรงสั้น ใส่ชุดนักศึกษา รัดรูปพอสมควร เผยให้เห็นสิ่งที่ยั่วยวนอย่างเด่นชัด ประกอบกับขาขาวๆของเตย ซึ่งเตยก็รู้ดีว่าผู้ชายส่วนมากจะชอบมองขาของเตย แต่เตยก็ระวังตัวอยู่ตลอด
ระหว่างที่นั่งดูนั่งกัน....อากาศก็เย็น แล้วก็มืดด้วย เพื่อนชายของเตยก็เอามือมาจับมือเตย แล้วถามว่า เย็นไหม เตยก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่ก็ ใจหวิวๆ บ้าง เพราะไม่เคยถูกผู้ชาย ใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน..เหมือนเค้าจะรู้ว่าเตยกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่เค้ากำลังทำ เค้าเริ่มรุกเร้าและจู่โจมมาลำดับ...เค้าเขยิบเอียงตัวมาใกล้เตย ตอนนั้นเตยรู้สึกได้เลยว่า ใจมันสั่นๆ แล้วก็ หวิวๆ ยังไงก็บอกไม่ถูก
ตอนนั้นเตยรู้สึกหมดเรี่ยวแรง เค้าเริ่มเอามือเข้ามาใกล้ๆ...ตรงนั้น แล้วล้วงเข้าไป....อู้ยๆ ทำอะไรค๊ะ เตยร้องถาม เค้าบอกว่า เหอะน๊านิดเดียวเอง เพื่อนกัน ล้วงแค่นี้เอง....เตยก็ ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงไปไหนหมด ปล่อยให้เค้าล้วงอย่างเมามัน....เตย มองตามมือลงไป เค้าเอามือล้วงหายเข้าไป อย่างเมามัน สายตาที่วิงวอนของเค้า มันทำให้เตย ได้แต่ร้องซี้ดอยู่ในใจว่า...อู้ย พอเหอะ ล้วงของเค้า พอยัง คะ
น๊า นิดเดียวเอง กำลังล้วงเพลินเลยๆนะ....ช่วงที่เค้าล้วงของเตยนั้น อีกมือเค้าก็เอื้อมมาบีบ..นม ของเตย เตยตกใจมากเลย ไม่คิดว่าเค้าจะกล้าขนาดนี้ แต่เตยก็ไม่ได้ว่าอะไรเค้า เพราะตอนนั้น ก็ รู้สึกอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน เหมือนกับว่า เค้าอยากทำอะไรก็ปล่อยให้เค้าทำไป....เพื่อนชายคนนั้น เค้าก็เอามือ มาบีบนม แล้วก็ คลำมันเล่นเบาๆ เตยก้มลงมามอง นม แล้วก็อมยิ้มในใจ หวงก็หวง..ไม่อยากให้เค้าทำ แต่ ตอนนั้นมันหมดแรงเลยนะ..เพื่อนก็ ไม่ยอมพอเสียที ทั้งล้วง ทั้ง บีบนม อย่างเมามัน ห้ามก็ไม่ฟัง....พอจะบอกให้พอ ก็ ทำหน้าอ้อนเตยก็เลยต้องปล่อยให้ เพื่อนมัน ทั้ง ล้วง ทั้ง บีบนม เล่น อย่างเมามัน
ช่วงที่เพื่อนล้วงแล้วเอามือออกมานะ...เตย รู้เลยว่า นิ้วเค้ามีน้ำแฉะๆด้วย....เพราะเตยเอามือไปโดนนิ้วเค้าตอนที่เค้าเอื้อมมาจับนมเตย....ตัวเอง พอเหอะ นะ..ล้วงของเค้าพอเหรอยังค๊ะ..นี่ น่าตีจัง ทั้ง มือก็ล้วง อีกข้างก็ จับนมของเค้านะ...พอเหอะนะ....เตยหวงของเตยนะ ตัวเองนะ ล้วงของเค้าพอยังนะ.....นี่ นิ้วตัวเอง อะ แฉะไปหมดแล้วนะ สงสารเค้าบ้างนะ...
นี่..อีตา บ้า...ล้วงพอหรือยัง..ล้วงเข้านะ ข้าวโพด ในถุงที่ฉันซื้อมานะ ล้วงไปกินจนจะหมดแล้วนะ...แล้ว นมกล่องที่ฉันซื้อมาก็บีบ เล่นอยู่ได้ มือว่างมากหรือไง แล้วนิ้วอะ มาจับแก้วแป็บซี่ จนนิ้ว แฉะไปหมดแล้วนะ เธอ..โอ้ย มาดูหนังกับเธอ โดนล้วง โดน จับ นม นิ้วแฉะ หมดเลย 555
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2550
จริงเปล่าล่ะ??
no one sees your tears.. ไม่มีใครได้เห็นน้ำตาของคุณ
Sometimes when you are in pain, บางครั้ง ที่ คุณบาดเจ็บ
no one sees your hurt... ไม่มีใครรับรู้ถึงความเจ็บปวดของคุณ
Sometimes when you are worried, บางครั้ง ที่คุณกังวล
no one sees your stress... ไม่มีใครรับรู้ถึงความเครียดของคุณ
Sometimes when you are happy, บางครั้ง เมื่อคุณมีความสุข
no one sees your smile... ไม่มีใครสังเกตุเห็น รอยยิ้มของคุณ
But... แต่ทว่า .... . . . . . . . . . . . . . . . .
FART Just One Time... ขอเพียงคุณตด สักครั้ง
Everybody Knows! ทุกคนจะรู้ทันที!!!
เพื่อน 7 แบบที่ใครก็ต้องการ..
พระเจ้าอาเธอร์นั้นมีอัศวินโต๊ะกลม ประธานาธิบดีมีสภา และเหล่าซีอีโอก็มีรองประธานคอยช่วยเหลือ แล้วคุณล่ะ ?
ใครคอยช่วยเหลือคุณผ่านมรสมุชีวิตบ้าง ดั่งสุภาษิตที่ว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียวนั้นใช้ได้จริงในชีวิตเราเมื่อเราต้องการความช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งทางด้านชีวิตส่วนตัวและการงาน ใคร ๆ ต่างก็สมควรที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงดี ๆ ทั้งนั้นเพื่อความสำเร็จของชีวิตในวันหน้า มาลองดูซิว่าเพื่อน 7 แบบที่เราควรจะต้องมีไว้เป็นดรีมทีมนั้นควรมีใครบ้าง
1. เพื่อนร่วมสถานะภาพ ไม่ว่าเพื่อนคนนี้จะเป็นคนที่มีอาชีพ สถานะภาพการสมรส หรือการดำเนินชีวิตที่คล้ายคุณ เพื่อนคนนี้คือคนที่คุณสามารถระบายสิ่งแย่ ๆ ในชีวิตคุณโดยที่เธอจะรับฟังอย่างเข้าใจและตั้งอกตั้งใจ
2. เพื่อนฉลาด ๆ เธอจะอยู่ที่นั่นคอยให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาให้คุณได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูก เรื่องการงานอาชีพ เธอจะช่วยคุณผ่านมันได้อย่างง่ายดาย เพื่อนคนนี้อาจเป็นเจ้านายคุณ หรือเพื่อนผู้มากประสบการณ์ของคุณ ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายจากเธอคนนี้
3. ตัวตลก แม้ว่าเพื่อนคนนี้อาจจะพึ่งพาไม่ได้มากนัก แต่มันก็สนุกมากใช่มั้ยล่ะเมื่ออยู่ใกล้เธอ เพราะเธอจะทำให้โลกบ้า ๆ ใบนี้ดูสนุกสนานและน่าอยู่อย่างยิ่ง คูณอาจไม่กล้าทำอะไรบ้า ๆ แบบเธอแต่คุณก็สนุกที่ได้เห็นเธอทำมัน
4. เพื่อนคนล่ะรุ่น การมีเพื่อนเด็กกว่าทำให้คุณหวนรำลึกถึงตัวเอง และระยะเวลาที่คุณได้ผ่านพ้นมา (คุณจะรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่สามารถยืนตรงจุดนี้ได้ ) แม้ว่าบางขณะคุณอาจอิจฉาในเยาว์วัยและความกระตือรือร้น แต่คุณก็ยังได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนเด็กคนนี้ของคุณเสมอ
5. เพื่อนต่างเพศที่แสนดี ผู้หญิงทุกคนต้องมีเพื่อนชายที่แสนดีสักคน ขณะเดียวกันผู้ชายก็ควรมีเพื่อนหญิงที่แสนดีบ้าง คู่หูคนนี้จะเป็นล่ามส่วนตัวสำหรับแปลภาษาต่างดาวจากเพศตรงข้ามให้คุณได้เข้าใจ อย่างไรก็ดี จำไว้อย่าทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนเสียไปด้วยการไปกุ๊กกิ๊กกับเพื่อนเข้าล่ะ การเป็นเพื่อนกับเพื่อนต่างเพศที่มีความสุขจะทำให้คุณกลายเป็นคนน่าคบไปด้วย ไม่แน่คุณอาจจะเข้าก๊วนกับกลุ่มเพื่อน และแฟนเขาเป็นปี่เป็นขลุ่ยไปด้วย
6. เพื่อนจากแวดวงอื่น คุณแต่งงานแล้ว แต่เพื่อนคุณไม่ เธออาจเป็นพนักงานดับเพลิง เป็นซีอีโอ เป็นนางชี การมีเพื่อนจากแวดวงที่แตกต่างกันจะทำให้คุณสดชื่นขึ้น และเกิดแง่มุมใหม่แก่ชีวิต
7. เพื่อนเก่า บุคคลนี้คือคนที่เป็นพยานในช่วงชีวิตคุณที่มีทั้งสุขและเศร้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรงผมแย่ ๆ เรื่องเฉิ่มในสมัยเรียน เพื่อนชนิดนี้คือเพื่อนที่หาค่าไม่ได้ และเป็นเพื่อนสนิทที่คุณต้องโทรไปรายงานด้วยเป็นระยะ ๆ เพราะว่าเธอคือส่วนหนึ่งของคุณในอดีต และเธอจะยินดีไปกับความสำเร็จของคุณในปัจจุบัน
ทีนี้ลองสำรวจตัวคุณเองดูสิว่า มีเพื่อนครบทั้ง 7 แบบหรือยัง ...
เคยไหม??
โง่ที่คิดว่า……ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
โง่ที่คิดว่า……ใครบางคนให้ความสำคัญกับตัวเรามากกว่าคนอื่น
โง่ที่คิดว่า……คนที่เรารัก เขาจะรักเราคนเดียว
โง่ที่คิดว่า……เรามีความสำคัญกับใครคนหนึ่งมากจนเขาขาดเราไม่ได้
โง่ที่คิดว่า……การโกหกจะไม่เกิดขึ้นระหว่างคู่รักที่รักกันจริงๆ
โง่ที่คิดว่า……คำหวานจากปากเขา เขาพูดเพราะเป็นห่วงเราจริง ๆ
โง่ที่คิดว่า……เวลาที่เราต้องการเขามากที่สุด เขาจะอยู่กับเราเสมอ
โง่ที่คิดว่า……คนที่เราดีใจเมื่ออยู่ใกล้เขา จะไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุด
อยากฉลาดมะ
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……ความพยายามบางครั้ง มันก็เป็นแค่ความพยายาม
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……อย่างหวังว่าใครจะเห็นเราสำคัญ มากไปกว่าตัวเขาเอง
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……คนที่เรารัก บางทีเขาก็มีคนที่เขารัก
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……คนที่เราอยู่ใกล้แล้วมีความสุข อาจเป็นคนเดียวกันกับคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุด
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……คำหวานจากปากเขา เขาพูดเพียงเพราะเขาชอบพูดคำหวานกับใคร ๆ เสมอ ก็แค่นั้น
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……การโกหกเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่าใคร
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……คนที่เรารักอาจเป็นคนเดียวกันกับคนที่ไม่เคยรักเราเลย
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……เวลาที่เราต้องการเขาที่สุดอาจเป็นเวลาเดียวกันกับเวลาที่เขาหมดรักเราแล้ว