วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2550

Few Cool Ads



หม้อวิเศษ..จงบอกข้าเถิด

เมื่อวันก่อนนอนดู TV ตอนดึกๆ ก็รายการขาประจำนะครับ รายการขายของน่ะ วันนี้ก็ป็นการขายหม้อดินสำหรับอบซุป อันนี้มีคุณดวงตาเค้า

เป็นพิธีกรณ์ นอนดูไปก็ขำๆ ไป ในการนำเสนอและก็เหตุผลต่างๆ ที่ทำให้หม้อนี้น่าใช้มากขึ้นเป็นกอง เรื่องของเรื่องก็คือว่า

ชื่อผลิตภัณฑ์:
หม้อดินสำหรับตุ๋นซุป

ลักษณะภายนอก:
เป็นหม้อลักษณะหม้อดินบ้านเราที่เป็นทรงกระบอก ได้รับการเผาในเตาความร้อนสูง ซึ่งคงสูงซักประมาณ 30 ซม. ได้ ส่วนขนาดเส้นผ่านหน้ากลาง (ศูนย์กลาง) ก็ประมาณขนาดถ้วยเรานะครับ (ถ้วยใหญ่ใส่แกงนะไม่ใช้ขนมหวาน)

สิ่งที่ซ่อนอยู่:
ส่วนที่เป็นหม้อนี่เค้าว่าทำมาจากดินสีม่วงซึ่งเป็นดินที่มีเฉพาะในมณฑลอะไรไม่รู้ในจีนเท่านั้น และเป็นดินชนิดเดียวกันกับที่ใช้เผาทำหม้อดินสำหรับต้มซุปให้กับฮ่องเต้... นั่นแน่ชักสนุกแล้วใช่ไหมครับท่าน...

ประโยชน์ใช้สอย:
สำหรับต้มซุปที่อะร่อยที่สุดในจักรวาลด้วยราคาที่ แพงที่สุดในจักรวาลเช่นกันครับ...

คุณสมบัติพิเศษ:
รู้สึกว่าเป็นเตาที่สามารถต้มได้โดยที่เราไม่ต้องใช้เตาถ่านครับ ไม่ต้องจุดไฟเอง ... ก็เค้ามีปลั๊กไฟมาให้แล้วน่ะ ติดตั้งมาเสร็จเลย โอ้โฮ้ เวอร์คๆๆ

จุดเด่นอีกประการที่เน้นมากๆ เลยก็คือ หม้อนี้เค้าทำมาจากดินสีม่วงที่มีคุณภาพดีมาก (อาจดีกว่าดินด่านเกวียนของเรานะครับ..อันนี้ผมเดาเอาเอง)

เนื้อหาการนำเสนอ:
เค้าก็มีสัมภาษณ์คนที่มีหม้อนี้ (ไว้โฆษณา) ครับ

คนแรกเป็นผู้ชายอายุประมาณ 30 อยู่ในชุดหนุ่ม Office มาดแมน ก็พูดว่า "ตั้งแต่ผมมีหม้อนี้นะครับผมมีสุขภาพดีขึ้นมากเลยครับ เนื่องจากมีซุปร้อนๆกินเป็นประจำ"

@#$@%# ฮ่วย ไม่มีไอ้หม้อนี่ที่บ้านคงทานแต่น้ำเย็นมั้งครับ เลยไม่ค่อยสบาย 5555

อีกคนซึ่งเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 อยู่ในชุดประมาณว่าแม่บ้านแบบอาซ้อ บอกว่า "ตอนนี้สบายมากเลยค่ะ เพราะลูกเค้าต้มซุปให้ทานเป็นประจำเลยตั้งแต่ได้หม้อตุ๋นนี้มา"

เอ!! แสดงว่าถ้าไม่มีไอ้หม้อนี้แล้วลูกเค้าคงทอดทิ้งให้ไปอยู่บ้านบางแคร์มั้งครับท่าน....สงสัยมากๆในความกตัญญู?

ส่วนคนนี้ถ้าทางเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เพราะมาให้ข้อมูลสนับสนุนครับ มีคำถามหนึ่งคุณดวงตาเค้าถามว่า "เอหม้อนี่ถ้าเราเทียบกับการต้มนี่จะเป็นยังไงค่ะ" ท่านคนนั้นก็ตอบว่า

"หม้อตุ๋นของเรานี่ทำจากดินอย่างดีทีใช้สำหรับการตุ๋นโดยเฉพาะ และแม้แต่จักรพรรดิ์จีนก็ยังใช้กันสืบทอดมายาวนาน แล้วเมื่อเทียบกับการต้มแล้ว..."

เริ่มเข้าเรื่องแล้วครับท่าน

"การต้มนั้นก็ต้มประเดี๋ยวประด๋าว ..คงไม่สามารถเทียบกับการตุ๋นของเราได้หรอกครับ การตุ๋นนั้นจะทำให้ซุปที่ได้นั้นมีรสชาติกลมกล่อมน่าทานกว่าแน่นอนครับ"

เค้าตอบมาก็เลยงงนะครับ...

คือถ้าต้มแป๊บเดียวซุปไม่เข้มข้น....ก็ทำไมไม่ต้มนานๆ ให้มันเปี่อยๆ ไปเลยละครับท่าน แล้วไอ้ตุ๋นกับต้มเนี่ยมันช่วยให้ชีวิตเราต่างกันยังไง

ครับช่วยบอกทีครับ.. เช่นว่า วิตามินจะยังคงอยู่ไหม หรือถ้าต้มเนี่ยน้ำที่ได้มันจะขุ่นแล้วเนื้อออกเละๆ ถ้าตุ๋นจะได้น้ำที่กลมกล่อมเนื้อเปื่อย

ไม่เละ เออ อย่างนั้นก็ว่ากันไป..แหมนี่เล่น ต้มประเดี๋ยวประด๋าว คงสู้ตุ๋นไม่ได้ โห!! ทำไม่ไม่บอกมาเลยละว่า
..ศักสิทธิ์ เป็นสิริมงคลกับคนที่มีไว้ครอบครอง...
แล้วไอ้ดินสีม่วงนี่มันดียังไงอ่ะ ไม่มีความรู้จริงๆ ครับใครรู้เรื่องดินนี้บอกทีนะจะได้เก็บเป็นข้อมูล แล้วต๋นกับต้ม นี่มันคนละ Concept นี่ไหงไม่เทียบให้มันได้เห็นภาพหน่อย หรือไม่ก็ไปเทียบกับหม้อตุ๋นดินทั่วๆ ไปที่เราใช้กัน จะได้รู้ซะทีว่ามันดียังไง... (ดินสีม่วงนี่เผามาแล้วได้
สีแดงเหมือนอิฐแดงๆ เหมือนกับหม้อเดิมของเรารึเปล่า...ข้องใจ!) ...

แต่เดี๋ยวก่อน... ตอนนี้เวลานี้ (ตีอะไรว่ะ..) 5,900 เราไม่ขาย 4,900 เราก็ไม่ขาย, ...

ตกลง! มันจะขายเท่าไหร่???

พระเจ้าจ๊อด! มันยอดมาก...555

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2550

เมื่อธนาคารโลกสารภาพผิด 10 ปีหลังวิกฤตเศรษฐกิจ

ความคิดเปิดผนึก
อภิชาต สถิตนิรามัย


เมื่อปีที่แล้ว ธนาคารโลก (WB) ออกเอกสารสำคัญ โดยเฉพาะต่อผู้สนใจเรื่องวิกฤตและการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ มาฉบับหนึ่ง (Report No.35051) เอกสารชิ้นนี้เป็นเอกสารที่ต้องการประเมินว่าโครงการเงินกู้ที่ให้แก่ไทยเพื่อแก้ไขวิกฤต ประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลว มากน้อยเพียงใด ในประเด็นใดบ้าง เมื่อทาบวัดกับวัตถุประสงค์ของโครงการเงินกู้สามโครงการ ในวงเงิน 1350 ล้านเหรียญอเมริกา โดยผ่านการประเมินของกลุ่มผู้ประเมินอิสระ (independent evaluation group)

วัตถุประสงค์ของโครงการทั้งสามมีอยู่ด้วยกัน 8 ประการ แต่ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะประเด็นที่ผู้เขียนสนใจเท่านั้น คือ

หนึ่ง การสร้างเสถียรภาพด้านการคลังและเศรษฐกิจมหภาคให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งภายหลังการลอยตัวค่าเงินบาทในวันที่ 2 ก.ค.2540

เอกสารนี้เห็นว่าการเลือกใช้นโยบายการคลังแบบหดตัว โดยกำหนดให้ไทยต้องเกินดุลการคลัง 1% ของ GDP ในปีแรก ท่ามกลางวิกฤตขนานใหญ่ ซึ่งมี IMF เป็นผู้กำหนดและ WB เห็นชอบด้วยนั้น เป็นความผิดพลาดที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทย ถดถอยมากกว่าที่ควร และฟื้นตัวช้ากว่าที่ควรอีกด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่ประสบวิกฤตด้วยกันแล้ว ศก.ไทยตกต่ำรุนแรงกว่าและฟื้นตัวช้ากว่าทุกประเทศ ยกเว้นแต่เมื่อเทียบกับอินโดนีเซีย (ซึ่งประสบวิกฤตทางการเมืองขนานใหญ่ ควบคู่ไปด้วย)

ในแง่นี้แล้ว เอกสารชิ้นนี้จึงเป็นการยอมรับความเห็นของผู้วิจารณ์ องค์กรระหว่างประเทศทั้งสองในขณะนั้น ดังเช่นความเห็นของ Stiglitz ผู้มีตำแหน่งเป็น chief economist ของ WB ในขณะนั้น และเป็นผู้แหวกประเพณีของการไม่วิจารณ์กันเองระหว่างองค์กรโลกบาลทั้งสอง ซึ่งทำให้ IMF เสียเครดิตไปมาก

เมื่อ ศก.ตกต่ำรุนแรงยิ่งขึ้น และฟื้นตัวช้าขึ้นแล้ว จากการให้ยาผิดขนานนี้ ทำให้กระบวนการปฏิรูปทั้งหมด สูญเสียเครดิตในสายตาประชาชน ซึ่งส่งผลให้กระบวนการปฏิรูปด้านโครงสร้างมีความเป็นไปได้ทางการเมืองน้อยลง และประสบความสำเร็จยากขึ้นมาก ตัวอย่างเช่น การแก้ไขกฎหมายเศรษฐกิจ 11 ฉบับ ที่สุดท้ายแล้วกลายเป็นกฎหมาย “ขายชาติ” ไปเสียทั้งหมด ทั้งๆ ที่หลายฉบับมีความจำเป็นต่อการปฏิรูป เช่น กฎหมายล้มละลาย

สอง การออกแบบมาตรการแก้ปัญหาสถาบันการเงินอ่อนแอ โดยการสั่งปิด 56 บ.ไฟแนนซ์ และไม่มีแผนการรองรับที่ดีพอ ก่อให้เกิดผลกระทบและต้นทุนโดยไม่จำเป็นแก่ ศก.ในหลายแง่ คือ

ก) การไม่แยกหนี้เสียและหนี้ดีของบริษัทเงินทุน (บง.) ออกจากกัน ในขณะที่อนาคตของ บง.เหล่านั้นถูกแขวนอยู่เป็นเวลานาน ทำให้ลูกหนี้ดีไม่มีผู้ดูแลและขาดเงินหมุนเวียนในธุรกิจ จนสุดท้ายต้องการเป็นหนี้เสียไปโดยไม่จำเป็น ในขณะที่ลูกหนี้เหล่านี้ก็ไม่สามารถไปกู้เงินจากสถาบันการเงินอื่นได้ เพราะหลักประกันเงินกู้ของเขาถูกแช่แข็งอยู่กับ บง.ที่ถูกสั่งระงับกิจการ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมภาวะวิกฤตโดยไม่จำเป็น

ข) จากข้อ ก ส่งผลต่อเนื่องให้ลูกหนี้ส่วนหนึ่งทำตัวเป็น strategic NPLs คือการถือคาถา ไม่หนีหนี้ แต่ก็ไม่จ่ายหนี้ด้วย โดยเฉพาะในสถานการณ์ credit crunch ที่หาเงินหมุนเวียนได้ยาก เพราะเมื่อลูกหนี้จ่ายหนี้แล้ว สถาบันการเงิน ไม่ปล่อยกู้รอบใหม่ ตนย่อมขาดเงินหมุนเวียน ทำให้มีผลเสียต่อ credit culture ในระยะยาว

ค) การสั่งปิดสถาบันการเงิน พร้อมกันจำนวนมาก ซึ่งมีสินทรัพย์รวมกันคิดเป็น 15% ของ GDP ในขณะที่ทางการไม่มีกำลังคน ประสบการณ์ หรือความสามารถในการจัดการ “ทำศพหมู่” จำนวนเท่านี้มาก่อน (ซึ่งต่อให้เป็นประเทศตะวันตก ที่มีระบบกำกับสถาบันการเงินที่เข้มแข็งกว่ามาก หากต้องจัดการกับปัญหาในระดับนี้แล้ว ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าจะทำได้เพียงใด) ความยากลำบากในการจัดการ รวมทั้งการไม่มีแผนรองรับที่ชัดเจนว่าจะ “ทำศพ” หรือไม่ อย่างไร ทำให้ ศก.ไม่ฟื้นตัวในอัตราที่เร็วกว่าที่เกิดขึ้นจริง เพราะทรัพย์สินจำนวนมากของระบบถูกล็อกอยู่กับ บง.ที่ถูกสั่งปิด มาตรการที่ควรทำมากกว่าการสั่งปิด ก็คือการเข้าไปแทรกแซงแทนการสั่งปิดสถาบันที่อ่อนแอ แล้วแยกหนี้ดีออกมาให้องค์กรหนึ่งดูแล (จัดตั้ง bridge bank) ในขณะที่ถ่ายหนี้เสียไปให้องค์กร เช่น ปรส.ขายทิ้ง ก็จะไม่สร้างปัญหาในข้อ ก ถึงข้อ ค

สาม การปรับโครงสร้างหนี้ของภาคธุรกิจจริง (real sector corporate restructuring) ด้านโครงสร้างการเงินเพื่อแก้ปัญหา NPL นั้น การปรับโครงสร้างนี้ก็มีคุณภาพต่ำ เพราะจำนวนมากใช้วิธีการยืดเวลาการชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย ฯลฯ แต่มีการลดมูลหนี้น้อย ทำให้เกิด NPL ย้อนกลับจำนวนมากในเวลาต่อมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถาบันการเงิน ไม่ต้องการรับรู้ผลการขาดทุน (realized losses) อย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลัวการตั้งสำรอง ซึ่งจะมีผลให้ธนาคารต้องเพิ่มทุนและผู้ถือหุ้นเดิมต้องลดสัดส่วนความเป็นเจ้าของลง (และเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องเข้าร่วมในโครงการเติมทุนให้ธนาคาร ตามแผน 14 สิงหาคม ของรัฐบาลชวน) ธนาคารจึงใช้วิธีปรับโครงสร้างลูกหนี้แบบ “หลอกๆ” (cosmetic restructuring) ข้างต้น โดยหวังว่าเมื่อ ศก.ฟื้นตัวแล้วฐานะของลูกหนี้จะดีขึ้นเอง

ที่กล่าวข้างต้นนั้นเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ภาคสมัครใจภายใต้การดูแลของธนาคารชาติ ซึ่งเป็นกระบวนการนอกศาล ส่วนกระบวนการจัดการหนี้ภายใต้กฎหมายล้มละลายนั้นยิ่งประสบความยากลำบากมากกว่า เนื่องจากชุดกฎหมายที่กำกับความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ของไทยนั้นล้าหลังมาก และเข้าข้างลูกหนี้ เช่น กฎหมายล้มละลายไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการปรับโครงสร้าง (rehabitation) ในขณะที่กระบวนการบังคับหลักประกัน ก็กินเวลาเป็น 10 ปี เป็นต้น ดังนั้นองค์กรโลกบาลทั้งสองจึงบรรจุการแก้กฎหมายชุดนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในเงื่อนไขเงินกู้ แต่ก็ถูกต่อต้านอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากวุฒิสมาชิก NPLs ในยุคนั้น จนเมื่อแก้ไขแล้ว กฎหมายล้มละลายก็อ่อนลงกว่าที่ตั้งใจไว้มาก เช่น บทบัญญัติที่กำหนดให้บุคคลล้มละลาย ถูกปลดออกจากสภาพล้มละลายโดยอัตโนมัติภายใน 3 ปี ซึ่งหมายความด้วยว่าหนี้สินทั้งหมดเป็นอันยกเลิกต่อกัน ทำให้เจ้าหนี้มีเวลาเพียงแค่ 3 ปีในการติดตามทรัพย์สินของผู้ล้มละลาย ในขณะที่การฟ้องหนี้ในกฎหมายแพ่งนั้น เจ้าหนี้มีเวลาในการตามทรัพย์เป็นเวลาถึง 10 ปี ด้วยกฎหมายที่อ่อนแอนี้เองทำให้ลูกหนี้ หลบเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการในการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้กระบวนการปรับโครงสร้างทั้งหมดช้าลง ทำให้การขยายตัวของสินเชื่อทำไม่ได้ ดังนั้นภาคเศรษฐกิจจริงจึงฟื้นตัวช้าตามไปด้วย

ในแง่หนึ่ง การเสนอให้ไทยแก้กฎหมายล้มละลายตามแบบกฎหมาย chapter 11 ของอเมริกา ก็เป็นความผิดพลาดในการออกแบบมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ ขององค์กรโลกบาลเองด้วย เพราะการออกแบบ ไม่ได้คำนึงถึงความอ่อนแอของระบบกฎหมายชุดนี้อย่างพอเพียง ดังนั้น เมื่อต้องผลักดันการแก้กฎหมายจำนวนมาก ในเวลาอันสั้น จึงก่อให้เกิดแรงต่อต้านทางการเมืองมากไปด้วย การแก้ปัญหา NPLs อาจจะรวดเร็วขึ้นกว่าที่เกิดจริง หากเน้นไปที่กระบวนการแก้ปัญหานอกระบบศาลเสียตั้งแต่ต้น

นอกจากการปรับโครงสร้างทางการเงินข้างต้นที่ช้ามากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นแล้ว ยังปรากฏด้วยว่าการปรับองค์กร (operational restructuring) เกิดขึ้นน้อยมาก ตัวอย่างเช่น การกระจุกตัวของความเป็นเจ้าของ ก็ยังคงไม่แตกต่างไปจากก่อนวิกฤต มากกว่าครึ่งของภาคธุรกิจยังคงตกอยู่ภายในกำมือของคนเพียง 15 ตระกูลเช่นเดิม หากเชื่อว่าการกระจุกตัวของความเป็นเจ้าของนี้เป็นสาเหตุสำคัญหนึ่ง ที่ทำให้ภาคธุรกิจไม่สามารถต้านทาน ต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงลบได้ (economic shock) เนื่องจากโครงสร้างที่กระจุกตัวเช่นนี้ ทำให้ภาคธุรกิจได้รับสินเชื่อจากธนาคารมากเกินสมควร ดังนั้น ระบบเศรษฐกิจไทยก็ยังคงมีความเสี่ยงต่อ shock ต่อไปเช่นเดิม

การกระจุกตัวที่สูงมีนัยว่า เนื่องจากธุรกิจแบบครอบครัวต้องการรักษาระดับความเป็นเจ้าของบริษัทที่สูง ดังนั้นแหล่งเงินทุนในการขยายกิจการจึงมาจากการก่อหนี้ต่อสถาบันการเงิน แทนที่จะระดมทุนจากคนภายนอกตระกูล ทำให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ต่อทุนสูง เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ เช่น เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น หรือเมื่อหนี้ที่กู้เป็นเงินตราต่างประเทศโดยไม่ประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แล้วเงินบาทลดค่าลง บริษัทเหล่านี้ก็จะล้มง่าย

ความไม่สำเร็จในสามประการข้างต้นจึงเป็นการอธิบายว่า เหตุใดเศรษฐกิจไทยจึงฟื้นตัวช้ากว่าประเทศที่ประสบวิกฤตในปี 2540 และอาจตีความต่อได้ว่าระบบเศรษฐกิจยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่แม้ในปัจจุบัน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการลงทุนของภาคเอกชน ที่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2503-2529 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเศรษฐกิจฟองสบู่เสียอีก ในขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น เป็นผลจากการขยายตัวของการส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนลงมากหลังปี 2540 และการขยายตัวของการค้าโลกที่สูง

แม้ว่า WB จะสารภาพผิดแล้วก็ตาม แต่นี้มิได้หมายความว่าความผิดทั้งหมดเป็นขององค์กรนี้ โดยที่เราไม่ผิดเลย อย่างน้อยการแก้ไขกฎหมายล้มละลายให้อ่อนกว่าที่ควรจะเป็นจากแรงผลักดันของ ฝ่ายลูกหนี้ และจนกระทั่งปัจจุบันร่างกฎหมายที่สำคัญต่อระบบการเงินสามฉบับ คือ พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ร.บ.ประกันเงินฝาก ก็ยังไม่ประกาศใช้ ทั้งๆ ที่เริ่มร่างมาสิบปีแล้ว ก็เป็นตัวอย่างของความล้มเหลวของการปฏิรูปที่เราโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเราเอง

สำหรับ WB อย่างน้อยก็มีกระบวนการตรวจสอบตัวเอง แล้วเราล่ะ

ที่มา OnOpen Online

วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2550

ททท.ร้องลั่น“ท้อแต่ไม่ถอย” เหนื่อยอีกยกปลุกตลาดโลว์ซีซั่น

12 เมษายน 2550 10:09 น.

ททท.ท้อแต่ไม่ถอย เร่งสปีดกระตุ้นนักท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น ชู 4 ตลาดเป้าหมาย ตะวันออกกลาง อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ พร้อมรุกตลาดใหม่ แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ยอมรับตลาดสิงคโปร์ และมาเลเซียถดถอย มั่นใจโลว์ซีซั่นปีนี้ต้องดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 1 ล้านคน ถึงสิ้นปีเข้าเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ตลาดในประเทศ เล็งออกโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ชวนคนไทยท่องเที่ยวอย่างรู้คุณค่า

นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ในช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ (เม.ย.-ก.ย.) ททท. ได้วางแผนทำตลาดเชิงรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการ และ ได้จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ถึงสิ้นปีตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ ตลาดต่างประเทศ 14.8 ล้านคน รายได้ 5.47 แสนล้านบาท และ ตลาดคนไทย 82 ล้านคนครั้ง รายได้ 3.8 แสนล้านบาท

โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศ จะเป็นแผนต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งการกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงโลว์ซีซั่น ททท. ได้ทำต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี และปีนี้จะเป็นปีที่ 3 โดยเราตั้งความหวังว่าช่วงโลว์ซีซั่นจะต้องมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ล้านคนตลอดช่วง 6 เดือน ซึ่งแผนงานคือจะร่วมกับบริษัททัวร์นำเที่ยวในต่างประเทศ สมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) และ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) จัดทำโปรโมชั่นส่งเสริมการเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งตลาดเป้าหมายในช่วงฤดูนี้ ได้แก่ ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง อินเดีย ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ นอกจากนั้นจะเจาะตลาดใหม่เพิ่มเติม เช่น แอฟฟริกาใต้ อินโดนีเซีย และ ฟิลลิปปินส์

“ยอมรับว่า จากเหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ส่งผลกระทบให้หลายตลาดหลักของไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย และ จีน เป็นต้น แต่ ททท.จะไม่ย่อท้อ เราจะหาตลาดใหม่ๆเข้ามาทดแทน เพื่อให้การทำงานของเราบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ และ เมื่อ สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ ตลาดที่หายไปก็จะกลับคืนมาอีก ไทยก็จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น”

ทั้งนี้ในส่วนของตลาดสิงคโปร์ ททท.ก็ไม่ได้หยุดทำตลาด ล่าสุด จับมือกับการบินไทย ไทเกอร์แอร์เวย์ และบริษัททัวร์ในสิงคโปร์อีก 10 ราย จัดแพกเกจทัวร์ไปจังหวัดอุดรธานี ซึ่งททท.จะใช้โอกาสนี้โปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวอีสาน ส่วนนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ ก็ได้เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ

สำหรับตลาดตะวันออกกลาง ล่าสุด ในวันที่ 1-4 พ.ค.50 จะเดินทางไปร่วมงาน อาร์เบียนทราเวล มาร์ท(ATM) จัดที่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต โดยมีเอกชนร่วมเดินทางไปทั้งสิ้น 68 ราย ทั้ง บริษัทนำเที่ยว โรงพยาบาล และ โรงแรม

นางพรศิริ กล่าวว่า ส่วนของตลาดในประเทศ ที่ประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เห็นชอบแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ตลาดในประเทศแล้วภายใต้แนวคิด “เก็บเมืองไทยให้สวยงาม” และ มหัศจรรย์เมืองไทย ต้องไปสัมผัส” โดย ททท.จะเริ่มโฆษณาตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนศกนี้เป็นต้นไป วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นตลาดคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี สำหรับงบประมาณ ททท.จัดสรรไว้ที่ 20 ล้านบาท แบ่งเป็น 15 ล้านบาท เพื่อจัดทำสื่อโฆษณา ทั้ง ทางโทรทัศน์ ,สปอร์ตวิทยุ และ พริ้นแอท อีก 5 ล้านบาท จะใช้เพื่อการสื่อซื้อโฆษณาใหม่ๆ นอกจากนั้น จะลงโฆษณาในสื่อที่ ททท.ได้ขัดซื้อไปแล้วเมื่อตอนต้นปีด้วย รวมถึงในรายการที่ ททท.เป็นผู้สนับสนุน

“งบรวมตลาดในประเทศ ททท.ได้รับจัดสรรมาทั้งสิ้นราว 70-80 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งเป็นการจัดกิจกรรม อีเว้นต์ ต่าง การร่วมสนับสนุน และ การโฆษณา ซึ่งนโยบายหลักของ ททท. จากนี้ไป เน้นเรื่องการหาพันธมิตร ทั้งที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยว และ ที่เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่อง อย่าง บัตรเครดิตเคทีซี และ วีซ่าการ์ด เป็นต้น

ผู้จัดการออนไลน์

Oasis นำแก๊งเด็กแนวคัพเวอร์ Sgt Pepper ของ Beatles

10 เมษายน 2550 19:20 น.

Oasis, the Killers และ Kaiser Chiefs วงดนตรีร็อคชื่อดังแห่งยุค เตรียมจะจับมือกันทริบิวผลงานเพลงจาก Sgt Pepper's Lonely Hearts Club Band อัลบั้มชื่อก้องของวง the Beatles เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีตั้งแต่ผลงานชุดนี้อุบัติขึ้นมาบนโลก และเปลี่ยนแปลงวงการดนตรีทั้งปวง ตามรายงานจาก nme.com

Sgt Pepper's Lonely Hearts Club Band อัลบั้มชุดที่ 8 ของ the Beatles ที่วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 1 มิ.ย. 1967 ซึ่งถือเป็นผลงานที่สร้างวัฒนธรรมใหม่ๆ และอิทธิพลให้กับวงการเพลงอย่างมหาศาล

เนื่องในโอกาสที่อัลบั้มดังกล่าวกำลังจะมีอายุครบ 40 ปี วงดนตรีชื่อดัง นำโดยวงที่อ้างถึงอิทธิพลของวงเขามากที่สุดอย่าง Oasis จะร่วมกันคัพเวอร์บทเพลงอมตะในชุดดังกล่าวสำหรับการออกอากาศทางสถานีวิทยุ BBC2 ของอังกฤษในวันที่ 2 มิ.ย.นี้

โดยศิลปินที่ร่วมโปรเจ็คท์นี้ด้วยมีทั้ง the Killers, Kaiser Chiefs, Razorlight, เจมส์ มอร์ริสัน, the Fratellis และ Travis

ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญดังกล่าวได้แก่ศิลปินนักเคลื่อนไหวตัวยงอย่าง บ็อบ เกลดอฟ แห่ง Live 8 ที่กล่าวว่าวงดนตรีทั้งหมดที่มาร่วมงานจะไปบันทึกเสียงกันที่ Abbey Road สตูดิโอในลอนดอน ที่เดียวกับที่วงบีทเทิลเคยสร้างสรรค์บทเพลงอันยอดเยี่ยมมาแล้วมากมาย

ทาง BBC รายงานว่า เจฟ เอเมอริค ผู้ที่เป็นซาวด์เอนจิเนียร์ Sgt Pepper ต้นตำรับเผยว่าจะใช้เครื่องมือเดียวกันกับที่สมาชิกของสี่เต่าทองเคยใช้ในการบันทึกเสียงครั้งนี้เช่นกัน

เกลดอฟ เผยว่าเขากำลังชักชวนศิลปินรายอื่นๆ ให้เข้ามาร่วมโปรเจ็คท์นี้อีก โดยเฉพาะยอดวงอย่าง U2 ที่เขาต้องการให้มาร่วมงานด้วยเป็นพิเศษ

เลสลี ดักลาส คอนโทรลเลอร์ของ Radio 2 กล่าวว่า "มันจะไม่ใช่แค่โชว์ทางวิทยุที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ถือเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ของวงการดนตรีเลยทีเดียว ทั้งความหลากหลายและคุณภาพของศิลปินที่มาร่วมงานมั่นใจได้เลยว่ามันจะเป็นการทริบิวให้กับอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้อย่างเหมาะสมที่สุด"

ยังไม่รายงานว่าศิลปินแต่ละรายจะนำเพลงใดมาคัพเวอร์กันบ้าง

ผู้จัดการออนไลน์

“ทิพาวดี” โยน ครม.ชี้ชะตากรรม “ทีไอทีวี” 24 เม.ย.นี้

12 เมษายน 2550 02:11 น.

คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
“รมต.ประจำสำนักฯ” เตรียมโยน ครม.กำหนดชะตากรรม “ทีไอทีวี” 24 เม.ย. หลังประชาชนต้องการทีวีสาธารณะ-เสรี ปราศจากการถูกครอบงำจากกลุ่มทุน วาดฝันเอสดียูจะคลอดเร็วๆ นี้

วันนี้ (11 เม.ย.) คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการกำหนดอนาคตสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา นางดรุณี หิรัญรักษ์ ประธานคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อกำหนดอนาคตของสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ ได้รายงานว่า จากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแล้วเห็นว่าควรมีทั้งทีวีสาธารณะ และทีวีเสรี คือต้องการให้มีทีวีทั้ง 2 ช่อง โดยทีวีสาธารณะจะต้องเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ไม่มีโฆษณา ไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของทุน ประชาชนมีส่วนร่วม และรัฐก็จะสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อผลิตรายการสาระความรู้

รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับรูปแบบของทีวีเสรีนั้นสามารถประกอบกิจการเชิงพาณิชย์ได้ โดยจะให้มีโฆษณาและกระจายหุ้นให้เอกชนร่วมถือ แต่ไม่ให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นเจ้าของ ต้องกระจายหุ้นกันไปให้ส่วนต่างๆ เพื่อให้ปลอดการครอบงำของกลุ่มทุน โดยเราจะดำเนินการทุกอย่างโดยไม่รีรอ อย่างไรก็ตาม ตนจะนำข้อเสนอเหล่านี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.ในวันที่ 24 เมษายนต่อไป

“การจะได้ทีวีเสรี และทีวีสาธารณะขึ้นมา 2 ช่องนั้นจะต้องเร่งยกร่างกฎหมายขึ้น 2 ฉบับ โดยขณะนี้ นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิช และทีมงานก็กำลังเตรียมยกร่าง แต่การจะขอคลื่นโทรทัศน์ขึ้นมาอีกหนึ่งช่องนั้นจะต้องรอให้ กสช.เกิดเสียก่อน เพราะหากมีทีวีขึ้นมาอีกหนึ่งช่องจะติดขัดในข้อกฎหมายของ พ.ร.บ.คลื่นความถี่ มาตรา 80”

คุณหญิงทิพาวดี กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของทีไอทีวีนั้น ปัญหาเฉพาะหน้านั้นคาดว่า เร็วๆ นี้องค์กรรูปแบบพิเศษ (เอสดียู) จะแล้วเสร็จ โดยล่าสุดกรมประชาสัมพันธ์ได้เสนอแผนการเงินไปยังคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด ก.พ.ร.ในวันที่ 20 เมษายนนี้

ผู้จัดการออนไลน์

ASTV คว้ายอดเยี่ยม ข่าวเหตุการณ์รางวัลแสงชัยฯ

11 เมษายน 2550 17:35 น.

ภาพ ตร.สั่งกุ๊ยกระทืบผู้หญิง-คนแก่ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ผลงาน เอเอสทีวี คว้ารางวัลยอดเยี่ยม ภาพข่าวเหตุการณ์ ในการประกาศรางวัล “แสงชัย สุนทรวัฒน์” ประจำปี 2549 ทีมงานเผยภูมิใจ และมีกำลังใจ เพราะทุกคนต่างทุ่มเท และอยู่ท่ามกลางความกดดันของฝ่ายเชียร์ และฝ่ายต้านระบอบทักษิณ

วันนี้ (11 เม.ย.) ที่ห้องส่ง 1 อสมท ถ.พระราม 9 สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มูลนิธิแสงชัย สุนทรวัฒน์ และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ร่วมจัดงานประกาศผลข่าว-สารคดีโทรทัศน์และวิทยุ รางวัลแสงชัย สุนทรวัฒน์ ประจำปี 2549 เพื่อประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลแก่เจ้าของผลงานที่มีคุณภาพ มีคุณค่าต่อการสร้างสรรค์ และมีศักยภาพนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีขึ้น ปีนี้มีผลงานที่ส่งเข้าประกวดด้านข่าวโทรทัศน์ มีทั้งหมด 35 เรื่อง ด้านวิทยุ 24 เรื่อง ส่วนรางวัลข่าวโทรทัศน์ท้องถิ่น มีข่าวเข้าประกวด 26 เรื่อง

ผลการประกาศรางวัล ปรากฏว่า ข่าวโทรทัศน์ประเภทข่าวเหตุการณ์ รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “เหยื่อระบอบทักษิณ” จากสถานีโทรทัศน์ ASTV NEWS 1 โดยภาพดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ขณะที่กลุ่มอันธพาลไล่รุมทำร้ายชายชรา และผู้หญิงที่ไปประท้วงขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2549 โดยมีพ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา อดีตผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน นครบาล 6 เป็นผู้ยื่นสั่งการ ซึ่งภาพดังกล่าวกลายเป็นหลักฐานที่ คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิด พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ถึงขั้นไล่ออกจากราชการ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม ภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ประชาชนทั่วไปยังไม่มีโอกาสได้ชมมากนัก เนื่องจากมีการนำออกอากาศเฉพาะเอเอสทีวีเท่านั้น และเพิ่งได้ออกฟรีทีวีครั้งแรกผ่านรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ที่ได้ออกอากาศทางช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อประชาชนจำนวนมากได้ชมภาพดังกล่าวต่างแสดงความประหลาดใจ เพราะเพิ่งทราบว่ามีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการบันทึกภาพเหตุการณ์บริเวณหน้าตึกเซ็นทรัลเวิลด์ ของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีนั้น ใช้ทีมช่างภาพจำนวน 6 คนด้วยกัน ประกอบด้วย นายทศพล โอมานนท์ นายอังคาร รัตนะ นายเมธี สายศร นายกมล กลีบศรี นายบัญชา แก้วประชุม และนายนำพล ภูมิอมร ช่างภาพโทรทัศน์ประจำสถานีโทรทัศผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี

นายนำพล กล่าวถึงรางวัลที่ได้รับ ว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับรางวัลแสงชัย สุนทรวัฒน์ เพราะทุกคนต่างทุ่มเททำงาน และอยากให้ได้ภาพที่ดีที่สุด ซึ่งการทำงานในเวลานั้นค่อนข้างกดดัน เนื่องจากอยู่ท่ามกลางกลุ่มของผู้ขับไล่ทักษิณ และเชียร์ทักษิณ

“ทีมของผมเป็นทีมที่ต้องตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งไปเปิดงานที่ตึกดังกล่าว หลังจากเปิดงานแล้วก็ลงมาจากตึก ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเสียงดัง ผมรีบออกวิ่งไปดู และเก็บภาพได้พอดี ซึ่งตอนนั้นชุลมุนมาก ต้องบอกให้ผู้สื่อข่าวหลบไปจากตรงนั้นก่อน ขณะที่ถ่ายภาพอยู่ก็ต้องระวังหลังไปด้วย แต่เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ เพราะต้องการให้ได้ภาพที่ดีที่สุด”

ด้าน นายอังคาร กล่าวว่า สถานการณ์ในวันเกิดเหตุนั้นค่อนข้างตึงเครียด เพราะมีทั้งกลุ่มที่ตะโกนทักษิณสู้ๆ และทักษิณออกไป ซึ่งตนคาดว่าอาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น จึงระมัดระวังและเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถเก็บภาพได้ทันเวลา

“ในการไปทำงานครั้งนั้น พนักงานเอเอสทีวีทุกคนต้องเก็บบัตรไว้ เพราะเราได้รับความกดดันมาตลอดจนทุกคนรู้ว่าต้องไม่แขวนบัตร รางวัลที่ได้รับมาผมรู้สึกดีใจ และภูมิใจมากเป็นกำลังใจให้กับพนักงานเอเอสทีวีทุกคน แต่ก็ยังเสียใจที่ตอนนั้นไม่สามารถช่วยลุงที่ถูกทำร้ายได้มากนัก” นายอังคาร กล่าว

อนึ่ง สำหรับการประกาศรางวัลแสงชัย สุนทรวัฒน์ ประจำปี 2549 นี้ ทางคณะผู้จัดการประกวด มีมติเพิ่มรางวัล 2 รางวัล คือ 1.รางวัลเกียรติยศสื่อมวลชนที่สร้างคุณูปการให้กับวงการวิทยุโทรทัศน์ในเมืองไทย ได้แก่ นายสรรพสิริ วิรยศิริ อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด และสถานีวิทยุกระจายเสียง ททท.นักสื่อสารมวลชนผู้ยืนหยัดการทำงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บุกเบิกวงการข่าวโทรทัศน์ยุคแรก และได้นำเสนอภาพความรุนแรงของเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จึงเป็นสาเหตุทำให้ต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา และ 2.รางวัลข่าวโทรทัศน์ท้องถิ่น รางวัลดีเด่น ได้แก่ เรื่อง “โรงงานถ่านหิน” จากบริษัท มหาชัยเคเบิลทีวี จำกัด รางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “น้ำท่วมเกลือ” จากบริษัท บางละมุงเคเบิลทีวี จำกัด

สำหรับผลรางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวด้านโทรทัศน์ ดังนี้
ข่าวโทรทัศน์ประเภทสืบสวนสอบสวน รางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “ขบวนการขายวิวข้ามชาติ” จากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี
ข่าวโทรทัศน์ประเภทสารคดีเชิงข่าวในรายการข่าวโทรทัศน์ รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “เผชิญความตายอย่างสงบ” จากสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 และรางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “ไฟใต้ยังไม่ดับ” จากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี
ข่าวโทรทัศน์ประเภทสารคดีเชิงข่าวในรายการโทรทัศน์ทั่วไป รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “ในน้ำมีปลา ในนาน้ำ (ตา) ท่วม” ของบริษัท ทีวีบูรพา จำกัด เสนอทางสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ ทีวี รางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “เหลี่ยมชีวิตทักษิณ ชินวัตร” จากเนชั่นแชนนัล
ข่าวโทรทัศน์ประเภทข่าวเหตุการณ์ รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “เหยื่อระบอบทักษิณ” จากสถานีโทรทัศน์ ASTV NEWS 1 รางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “รถติดแก๊สระเบิด” จากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี

ผลรางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวด้านวิทยุ ดังนี้
ข่าววิทยุประเภทข่าวประกอบเสียง รางวัลดีเด่น ได้แก่ เรื่อง “น้ำมันปนน้ำ” จากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ รางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “ความเห็นประชาชนต่อการชุมนุมที่ ถ.พระราม 1” จากสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ข่าววิทยุประเภทสารคดีวิทยุ รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “เหยื่อ…จรรยาบรรณ” จากสำนักข่าวไทย อสมท รางวัลชมเชย 2 รางวัล ได้แก่ เรื่อง “โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” จากสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเรื่อง “สิทธิมนุษยชนคนแม่ตาว” จากสำนักข่าวไทย อสมท
ทั้งนี้ คณะผู้จัดการประกวดยังได้ประกาศเกียรติคุณสำหรับนักข่าว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานของสื่อมวลชนที่มีคุณภาพสู่สังคมไทยต่อไป

สำหรับการประกวดรางวัล แสงชัย สุนทรวัฒน์ ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 11 โดยมูลนิธิ แสงชัย สุนทรวัฒน์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกแด่นายแสงชัย สุนทรวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการ อสมท ซึ่งถูกลอบยิงเสียชีวิต เนื่องจากการเข้าไปขัดขวางขบวนการทุจริตใน อสมท

ผู้จัดการออนไลน์

“ทีไอทีวี” ระส่ำหนัก! “ทนายคู่หู” แพแตก-แยกทางยึดจุดยืน

12 เมษายน 2550 06:29 น.
“ทีไอทีวี” ระส่ำหนัก!เหตุ “ทนายคู่หัวหมอ” กลายเป็นคู่หูแพแตก-เพราะเห็นต่างกรณีจุดยืนต่อสถานการณ์บ้านเมือง จน “ทนายวันชัย” หันไปจัดรายการวิทยุกับ “มัลลิกา” แย้มจับตา “ฝ่ายข่าว” กุมอนาคตหม้อข้าวตัวเอง

วานนี้ (11 เม.ย.) แหล่งข่าวจากสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาของพนักงานในทีไอทีวีว่า นับตั้งแต่การประกาศลาออกของ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล ผู้ดำเนินรายการร่วมมือร่วมใจ เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูปทีไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะว่า นอกจากนั้นยังมีความขัดแย้ง และความเห็นต่างในหมู่พนักงานมากขึ้น โดยมีทั้งที่เห็นด้วยกับ น.ส.มัลลิกา และไม่เห็นด้วย และยังมีปัญหาถึงการแดสงออกของพนักงานทีไอทีวีว่ามีความเหมาะสม หรือไม่ ในฐานะสื่อมวลชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการชุมนุมเรียกร้องให้ออนแอร์ทีไอทีวีนั้น ระดับหัวหน้าข่าวบางคนถึงกับสั่งให้มีการเกณฑ์ชาวบ้านที่เคยมาร้องเรียนให้ไอทีวีช่วยเหลือ พากันมาร่วมชุมนุมต่อต้านคำสั่งปิดไอทีวี จนรัฐบาลต้องยอมสั่งให้ออกอากาศ

“ล่าสุดก็ถึงคราวอวสานของทนายความหัวหมอ คู่หูคู่ฮา คือทนายวันชัย สอนศิริ กับทนายประมาณ เลืองวัฒนวณิช ที่จัดรายการในไอทีวีมาหลายปี และเป็นรายการที่มีเรตติ้งค่อนข้างดี โดยเฉพาะรายการตีข่าวเล่าความในช่วงเช้าของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี แต่ทนายทั้ง 2 เริ่มไม่ลงรอยกัน หรือไม่เข้าขากันในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทนายวันชัย ค่อนข้างจะโน้มเอียงมาทั้งพันธมิตรฯ ในขณะที่ทนายประมาณ โน้มเอียงไปทางสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงขนาดไปว่าความในศาลปกครองให้กรณีคดีไอทีวีกับ สปน.ด้วย และกล่าวในระหว่างชุมนุมที่ไอทีวีว่า ถ้ากฎหมายไม่ดี รัฐบาลก็ควรแก้กฎหมายเพื่ออุ้มไอทีวี”แหล่งข่าว ระบุ

แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวอีกว่า ในที่สุดทนายทั้ง 2 ก็ต้องแยกทางกัน โดยไม่มีการจัดรายการร่วมกันในทีไอทีวี และเป็นจุดจบของทนายคู่หูคู่ฮา ซึ่งในปัจจุบันทนายวันชัย ออกมาจัดรายการเต็มตัวกับ น.ส.มัลลิกา ในรายการคุยข่าวเล่าความ ทางสถานีวิทยุ Fm 105 ทุกวัน ส่วนสถานการณ์ในทีไอทีวี ก็ยังคงไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาลว่า จะแก้ปัญหาอย่างไรทำให้พนักงานเริ่มทยอยออกไปหางานใหม่ จะเหลือก็เพียงฝ่ายข่าว ซึ่งกำลังถูกจับตามมองว่ากำลังคิดอะไร และมีแผนอะไรกับอนาคตทีไอทีวี

ผู้จัดการออนไลน์

“ป๋าเปรม” เตือนสติคนไทย ต้องระลึกถึงบุญคุณชาติ!

12 เมษายน 2550 07:54 น.

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ รัฐบุรุษ
“ป๋าเปรม” อวยพรเตือนสติประชาชนเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ย้ำชัดต้องระลึกถึงบุญคุณ “ประเทศชาติ” ระบุคนไทยต้องรัก-สามัคคีกันจะช่วยให้ชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข ก่อนปัดตอบคำถาม คมช.ไม่กินเส้นรัฐบาล

วานนี้ (11 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานพิธีบังสุกุลอัฐิบรรพบุรุษ “ตระกูลติณสูลานนท์” โดยมีคนในตระกูลเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ได้กล่าวอวยพรประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า วันสงกรานต์เป็นวันที่ต้องระลึกถึงบุญคุณ ว่าอะไรที่มีบุญคุณต่อเรา ดังนั้นต้องระลึกถึงสิ่งที่มีบุญคุณต่อเรามากที่สุดคือ ชาติของเรา ดังนั้นคนไทยควรระลึกถึงชาติมากที่สุด โดยชาติของเราจะมีความร่มเย็นเป็นสุขได้ เพราะคนไทยมีความรัก และความสามัคคีต่อกัน

เมื่อถามว่า แสดงว่าคนไทยมีความแตกแยกกันหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า อย่าไปพูดว่าแตกแยกเลย เพียงแต่ไม่ค่อยระลึกถึงความสามัคคี ควรจะให้คนไทยระลึกถึงว่าความสามัคคีเป็นสิ่งที่ดี และเป็นสิ่งที่คนไทยควรจะทำให้มีขึ้นระหว่างนี้ ส่วนประชาชนมีความเป็นห่วงกรณีความสัมพันธ์ระหว่างคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กับ รัฐบาล ว่าจะมีความขัดแย้งกันนั้น พล.อ.เปรม กล่าวว่า “อันนี้ผมพูดไม่ได้”

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 12 เม.ย.นี้ เวลา 15.00 น. พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะนำคณะนายทหารเข้าร่วมอวยพร พล.อ.เปรม เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2550 ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ โดยมีนายทหารระดับสูงที่เข้าร่วมอวย อาทิ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล กับ คมช.

สำหรับกำหนดการเดิม พล.อ.สุรยุทธ์ และคณะนายทหาร จะเดินทางเข้าอวยพร พล.อ.เปรม ในช่วงเช้า เวลา 09.00 น. แต่เนื่องจาก พล.อ.สนธิ ติดภารกิจปฏิบัติราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้มีการเลื่อนกำหนดมาในช่วงบ่าย เวลา

ผู้จัดการออนไลน์

พิลึก! “สุรยุทธ์” ชวน “สื่อ” ลุยใต้-กลับให้เซ็นรับยอมตายฟรี

12 เมษายน 2550 07:54 น.

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
“สุรยุทธ์” ทำพิลึก ชวน “สื่อทำเนียบฯ” ลงพื้นที่ใน 3 จ.ชายแดนภาคใต้-แต่เจ้าตัวกลับไม่นอนค้างคืนด้วย แถมให้สื่อเซ็นลงนามยอมตายฟรีหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด จนอาจทำให้เกิดความสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สิน

วานนี้ ( 11 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์เลื่อนกำหนดการพาสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล เดินทางลงพื้น 3 จ.ชายแดนภาคใต้ เป็นวันที่ 19-21 เม.ย.นี้ โดยจากเดิมวันที่ 18-20 เม.ย. ทำให้สำนักโฆษกสำนักนายกฯ ต้องรีบประสานไปยังพื้นที่เพื่อเปลี่ยนแปลงกำหนดการทั้งหมด ทั้งเรื่องการเดินทางโดยเครื่องบินซี 130 และรถบัสที่เตรียมไว้สำหรับคณะสื่อมวลชน และโรงแรมที่พัก รวมไปถึงแผนรักษาความปลอดภัยที่เจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร และตำรวจ จัดเตรียมไว้ด้วย ส่วนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทางโฆษกรัฐบาลอ้างว่า นายกฯ ติดภารกิจในวันที่ 19 เม.ย.ที่กรุงเทพฯ แต่ไม่สามารถทราบว่าเป็นภารกิจใด

ล่าสุด แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.ต.สุรพล อุดมชัยรัตน์ ช่วยราชการสำนักโฆษกสำนักนายกฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สำนักโฆษกฯ ปรึกษาไปยังทีมกฎหมายสำนักนายกฯ เพื่อทำหนังสือให้ผู้สื่อข่าวที่ลงชื่อร่วมเดินทางไปในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนภาคใต้ทั้งสิ้น 68 คน ลงนามยอมรับข้อตกลงว่า หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจนทำให้เกิดความสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สิน จะไม่เรียกร้องค่าเสียหาย หรือค่าชดเชยใดๆ จากภาครัฐ

“ทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ และไม่กล้าร่างหนังสือดังกล่าว เนื่องจากทุกคนทราบดีว่าการไปพื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก และที่สำคัญนายกฯ เป็นผู้ออกปากชักชวนสื่อทำเนียบลงสัมผัสพื้นที่พร้อมกับตัวเอง แต่นายกฯ กลับลงพื้นที่เพียงแค่วันที่ 20 เม.ย.วันเดียว โดยไม่ค้างคืน ขณะที่สื่อจะต้องอยู่ในพื้นที่ 3 วัน 2 คืน”แหล่งข่าว ระบุ

ผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2550

Microsoft Virtual PC 2007

Microsoft ให้ Virtual PC 2007 ซึ่งเป็นโปรแกรมประเภท Virtual Machine สำหรับใช้จำลอง OS ต่างๆ เช่น Linux, Mac, BeOS ให้สามารถทำงานได้บนเครื่องที่ใช้ Window ที่สำคัญคือให้ฟรี ??? (ทำไม?)

ผมว่าที่ให้มาฟรีนี่น่าจะเพื่อหวังโค่น VMWare นะเพราะ VMWare นั้นกินตลาดทางด้านนี้อยู่มากโดยเฉพาะ ระดัง Enterpriหe นี่ Virtual PC คงจะเจาะยาก เหตุผลสำคัญก็คือเรื่องของประสิทธิภาพที่คงทำให้สู้ VMWare ได้ยากมาก ที่สำคัญคือตอนที่เราต้องติดตั้ง OS ใหม่ (สร้าง VHD ไฟล์) ใน Virtual PC นี่มันจะช้ามากครับ

แต่ยังไงก็ฟรีถ้าอยากทดลองใช้ก็ไป Download เอาที่ลิงค์ด้านล่างแล้วกันครับ

Microsoft Virtual PC 2007.exe (30.41 MB)

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2550

ซอฟต์แวร์อัจฉริยะจำทะเบียนรถเองได้ไม่ต้องใช้คน

3 เมษายน 2550 09:25 น.

ท่ามกลางโลกแห่งการสื่อสาร ซึ่งเทคโนโลยีได้ก้าวหน้าไปไม่รู้จบ สอดคล้องกับวิถีที่ผู้คนต้องรีบเร่งและแข่งขันกับเวลา ปฏิเสธไม่ได้ที่ชีวิตของพวกเขาจะต้องเกี่ยวพันกับการเดินทางอยู่เสมอๆ ด้วย โดยจะดีไม่น้อยเลยหากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นนี้จะได้อำนวยความสะดวกสบายให้แก่การสัญจรไปมาของผู้คนด้วย

หนึ่งในนั้นคือ “โปรแกรมอ่านป้ายทะเบียนรถ” โดยนายเปรมนาถ ดูเบ จากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ที่จะช่วยยกระดับ “เทคโนโลยีการจราจรอัจฉริยะ” ไปอีกขั้น

นายเปรมนาถ เล่าว่า ในปัจจุบันการตรวจสอบรถราที่เข้าออกในสถานที่ต่างๆ เช่น ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่สำคัญต่างๆ นั้น ยังขาดระบบจัดเก็บและสร้างฐานข้อมูลที่จะช่วยตรวจสอบรถที่เข้าออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ว่าเช่นนั้นก็เพราะยังขาดโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้สอดคล้องกับความต้องการนั่นเอง

ตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันที่ระบบการเก็บข้อมูลรถราที่เข้าออกสถานที่ เรายังสามารถเก็บได้เพียงภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิด หรือภาพนิ่งจากกล้องถ่ายรูปดิจิตอลเท่านั้น จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นนัก กล่าวคือจะไม่มีทั้งข้อมูลทะเบียนรถ และเวลาที่เข้าและออกจากสถานที่ซึ่งจะสามารถดึงออกมาใช้งานได้ทันที

ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุรถหาย หรือต้องการติดตามรถที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย เจ้าหน้าที่จึงต้องมาไล่ค้นหาข้อมูลจากกล้องวงจรปิดหรือภาพนิ่งทีละภาพๆ ซึ่งกินเวลานานเกินไป แทนที่จะสืบค้นในฐานข้อมูลด้วยเวลาเพียงไม่กี่วินาที

ทว่า สำหรับโปรแกรม “อ่านป้ายทะเบียนรถ” (License Plate Recognition System: LPR) ที่ได้พัฒนาขึ้น จะทำให้คอมพิวเตอร์ค้นหาตำแหน่งของป้ายทะเบียนรถได้เอง พร้อมทั้งมีระบบรู้จำที่ช่วยแปลงข้อมูลตัวอักษรจากภาพด้วยโปรแกรมโอซีอาร์มาเป็นตัวหนังสือที่สามารถจัดเก็บในฐานข้อมูลเพื่อง่ายแก่การสืบค้นได้ทันที โดยใช้เพียงอุปกรณ์ง่ายๆ คือเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อพ่วงเข้ากับกล้องวงจรปิด พร้อมด้วยโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น เพื่อให้ระบบสามารถจัดเก็บและสร้างฐานข้อมูลของรถที่เข้าและออกจากสถานที่ได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังอาจพ่วงระบบดังกล่าวเข้ากับระบบที่กั้นรถในที่จอดรถได้ด้วย ซึ่งแต่ละครั้งที่มีรถเข้าและออก คอมพิวเตอร์ก็จะเก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูล และควบคุมให้ที่กั้นรถเปิดให้รถผ่านเองได้โดยปลอดคนควบคุม ซึ่งเวลานี้ โปรแกรมดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการทำงานราว 95% สามารถรู้จำตัวอักษรภาษาไทย “ก -ฮ” และตัวเลขอารบิก “0 -9” ได้แล้ว

\ขณะที่ประโยชน์การใช้สอยโปรแกรมดังกล่าว นายเปรมนาถ แจกแจงว่า โปรแกรมดังกล่าวสามารถนำไปปรับใช้ในงานควบคุมหลายด้านคือ ใช้ในการจัดการที่จอดรถอัตโนมัติ การบันทึกเวลาเข้าและออกเพื่อคำนวณค่าจอดรถโดยไม่เกิดการรั่วไหล และการจำแนกรถราที่เข้าออกอาคารว่าเป็นรถภายในหรือรถของบุคคลภายนอก

\รวมถึงการรักษาความปลอดภัย การติดตามรถที่หายหรือรถที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย และทำให้เกิดความประหยัดในการจัดการที่จอดรถ โดยจากความก้าวหน้านี่เอง นักวิจัยรายนี้ยังบอกด้วยว่า เขายังได้พัฒนาต่อไปให้โปรแกรมมีความอัจฉริยะมากขึ้น พร้อมๆ กับตอนนี้ได้มีห้างร้านเอกชนเข้ามาติดต่อทางเนคเทคเพื่อขอนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้แทนระบบการจัดการที่จอดรถแบบเก่าแล้วด้วย

\สำหรับผู้สนใจความก้าวหน้าในระบบจราจรอัจฉริยะชิ้นนี้ สามารถเข้าชมด้วยตัวเองได้ในงาน "บางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 28" ระหว่างวันที่ 30 มี.ค –8 เม.ย. ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

ผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2550

ชมรมคน​เป็น​ “​หนี้​”

28 ​มีนาคม​ 2550 18:16 ​น.

“​หนี้​” ​คำ​สั้นๆ​ ​ที่ทรงอิทธิพลต่อชีวิตของ​ผู้​เป็น​เจ้าของ​ ​เชื่อแน่ว่าหากเลือก​ได้​แล้ว​ร้อย​ทั้ง​ร้อยคนทุก​ผู้​ทุกนามย่อม​ไม่​ พึงประสงค์ที่​จะ​มีมันเอา​ไว้​ใน​ครอบครอง​เป็น​แน่​ ​หากแต่สำ​หรับหลายคนที่มีจำ​นวนรายจ่ายมากกว่ารายรับ​ ​แม้​จะ​ไม่​เต็มใจ​ใน​การที่​จะ​ต้อง​ไปกู้หนี้ยืมสิน​ ​แต่ก็จำ​เป็น​ต้อง​ทำ​เพื่อ​ความ​อยู่​รอดของตนเอง​ ​และ​ครอบครัว​

​ยิ่ง​ใน​ยุคนี้สมัยนี้ที่ค่าครองชีพสูงขึ้นแต่ฐานเงินเดือนของคนทำ​ งานระดับกลางค่อนข้างต่ำ​ยัง​ไม่​มีการปรับขึ้น​ให้​พอดีสมดุล​กัน​ ​ยิ่งทำ​ให้​เกิดการกู้ยืมเงินมากขึ้น​ ​ซึ่ง​ความ​ต้อง​การ​ใน​ส่วน​นี้ส่งผล​ให้​สถาบันการเงินต่างๆ​ ​ทั้ง​ใน​รูปแบบของแบงก์​ ​และ​นอนแบงก์​ได้​ผุดโปรโมชัน​ใหม่ๆ​ ​ทั้ง​เดบิต​ ​เครดิต​ ​สินเชื่อรูปแบบต่างๆ​ ​มากมาย​ ​หลากหลายสิทธิประ​โยชน์ที่​ทั้ง​สถาบันฯ​ ​พยายามชวนเชื่อว่า​เป็น​การกู้ยืมที่​ผู้​บริ​โภค​จะ​เสียเปรียบน้อยที่สุด ​ ​ทำ​ให้​ขณะนี้ข้อมูลล่าสุดของ​ผู้​ที่มีหนี้สิน​ใน​ประ​เทศไทย​นั้น​อยู่​ ที่ประมาณ​ 15 ​ล้านคน​ ​แบ่ง​เป็น​ผู้​มีหนี้บัตรเครดิต​ 9 ​ล้านคน​ ​และ​หนี้สินเชื่ออีก​ 6 ​ล้านคน​!!!

​สุดท้ายบรรดาคน​เป็น​หนี้​ทั้ง​หลาย​จึง​ต้อง​มารวมตัว​กัน​และ​เปิด​ “​ชมรมหนี้บัตรเครดิต​และ​สินเชื่อ​ส่วน​บุคคล​” ​ขึ้นมา​เป็น​ครั้งแรก​ใน​ประ​เทศไทย

**​เปิดตัวชมรม​ “​คน​เป็น​หนี้​”

สา​โรจน์​ ​จิรธรรมกูล ​ประธานชมรมหนี้บัตรเครดิต​และ​สินเชื่อ​ส่วน​บุคคล​ ​อธิบาย​ถึง​หนทางสู่วงจรอุบาทว์​ใน​การ​เป็น​หนี้​ ​โดย​ได้​ยกประสบการณ์​ส่วน​ตัวของตนเอง​ให้​ฟังว่า​ ​ก่อนหน้านี้​เป็น​คนทำ​งานคนหนึ่งที่มีราย​ได้​ค่อนข้างดี​ ​คือประมาณเดือนละ​ 30,000 ​บาท​ ​ไม่​มี​ความ​จำ​เป็น​ใดๆ​ ​ที่​จะ​ต้อง​ใช้​บัตรเครดิต​ ​แต่ที่ทำ​เพราะ​มี​เพื่อนชวนทำ​บ้าง​ ​มีพนักงานบัตรมาขอร้อง​ให้​ช่วย​สมัครเพื่อทำ​ยอดบ้าง​ ​ซึ่ง​ส่วน​ใหญ่​บัตรเหล่านี้​จะ​ไม่​เสียค่า​ใช้​จ่ายเวลาทำ​ ​จึง​ได้​ใจอ่อน​ช่วย​ทำ​เอา​ไว้​ ​หรือ​เชื่อเพื่อนเมื่อเพื่อนชักชวน​ ​ทำ​ให้​มีบัตรเครดิต​ ​บัตรเดบิต​ ​บัตรเงินด่วน​ ​ต่างๆ​ ​เหล่านี้​อยู่​ใน​กระ​เป๋ากว่า​ 10 ​ใบ​ ​โดย​แทบทุกใบอนุมัติวงเงิน​ให้​ถึง​ 10 ​เท่า​ของเงินเดือน​ ​คือประมาณ​ 300,000 ​บาทต่อหนึ่งใบ

“​เวลามี​อยู่​ใน​กระ​เป๋ามันก็อด​ไม่​ได้​ ที่​จะ​รูด​ ​รูดไปรูดมาก็รู้สึกว่ามันสะดวกดี​ ​ตอน​นั้น​เราพอมีกำ​ลังจ่ายผ่อนบิลที่​เรียกมาทุกเดือน​ได้​ ​ก็​เลย​ไม่​ได้​เดือดร้อนอะ​ไร​ ​ตอนหลังมาคิดอยากทำ​ธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือแต่ ​ไม่​ประสบ​ความ​สำ​เร็จ​ ​เงินเริ่มตึงมือ​ ​ก็หมุนบัตรโน้นมาจ่ายบัตรนี้​ ​หนัก​เข้า​เลย​เป็น​หนี้​เต็มวงเงินทุกบัตร​ ​ก็​เป็น​ล้านนะครับ​”

​สา​โรจน์​ ​เล่าต่ออีกว่า​ ​เหมือนตกนรก​ทั้ง​เป็น​อยู่​ 2 ​ปี​ ​กลับบ้านก็​ไม่​ได้​เล่น​กับ​ลูกอย่างเคย​เพราะ​เครียดหนักเรื่องหนี้สิน​ ​จนกระทั่ง​ต้อง​มาระบาย​ความ​อัดอั้นตันใจ​ใน​เว็บบอร์ดของ​ “​ผู้​จัดการออนไลน์​” ​เป็น​กระทู้​เล็กๆ​ ​กระทู้หนึ่ง​ใน​บอร์ด​นั้น​ ​แต่ปรากฏว่ามีคน​เข้า​มา​ให้​คำ​ปรึกษา​ ​พร้อม​กับ​ที่มี​ผู้​ร่วมชะตา​เดียว​กัน​มาปรับทุกข์​ด้วย​เป็น​จำ​นวนมาก​ ​ทำ​ให้​เกิดการจุดประกายการสร้างสังคมของคน​เป็น​หนี้​ ​เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์​และ​ปรับทุกข์อันเกิด​จาก​การ​เป็น​หนี้​ ​รวม​ถึง​การหาทางออก​ให้​กับ​ชีวิตหนี้ของพวก​เขา​ ​จึง​เปิดเว็บไซต์​ www.consumerthai.org/complinant_board1/index-php ​ขึ้น​ ​โดย​ปัจจุบันนี้มีกระทู้​ใน​บอร์ดกว่า​ 20,000 ​กระทู้​และ​มีสมาชิกชมรม​ 3,700 ​คน

​เมื่อมีสมาชิกเยอะขึ้น​ ​และ​เห็นว่าควรทำ​กิจกรรม​ให้​เป็น​รูปธรรมมากกว่าการ​ให้​คำ​ปรึกษา​อยู่​ แต่​เฉพาะ​ใน​โลกไซเบอร์​เพียงอย่างเดียว​ ​การแถลงข่าวการเปิดตัวอย่าง​เป็น​ทางการของชมรมฯ​ ​จึง​เกิดขึ้นเมื่อวันที่​ 18 ​มีนาคม​ 2550 ​ที่ผ่านมา​เพื่อ​ให้​ผู้​เดือดร้อน​จาก​การ​เป็น​หนี้​ได้​พบปะ​เห็นหน้า​ เห็นตา​ ​และ​รู้​ถึง​การมี​อยู่​ของชมรมฯ​ ​นี้

“​จุดประสงค์หลักของชมรมเรามี​ 4 ​ข้อ​ ​คือ​ ​ต้อง​การ​ช่วย​เหลือ​ผู้​เป็น​หนี้บัตรเครดิต​และ​หนี้สินเชื่อ​ส่วน​ บุคคลที่​ได้​รับ​ความ​เดือดร้อน​ ​เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูก​ต้อง​ ​แนะ​แนวการปลดหนี้อย่าง​เป็น​ระบบ​และ​ถูกกฎหมาย​ ​เพื่อ​ให้​ความ​รู้ด้านกฎหมายหนี้สิน​ ​และ​เพื่อ​ให้​เกิด​ความ​เป็น​ธรรม​ใน​การคิดดอกเบี้ย​และ​ เกิดขอบเขตของการติดตามหนี้​” ​สา​โรจน์ระบุ

**“​บัตรก่อหนี้​” ​ซื้อง่าย​ ​จ่ายคล่อง

"จริงๆ​ ​ไม่​ได้​ตั้งใจอยากทำ​บัตรเครดิต​ ​แต่​เห็นของแถมมันน่ารักดี​ ​ค่าทำ​ก็ถูก​ ​ก็​เลยสมัคร"

"ผม​ไม่​ได้​มี​ความ​จำ​เป็น​ที่​จะ​ต้อง​ทำ​ ​แต่บางที​เพื่อนๆ​ ​มาชวนทำ​ ​หรือ​น้องเค้ามาหาลูกค้า​ ​ก็​ช่วย​ทำ​ไป"

"คือเรา​เป็น​เจ้าของกิจการ​ ​ปกติ​ใช้​แต่​เงินสด​ ​แต่มี​เพื่อนทักว่าระดับนี้​แล้ว​ทำ​ไม​ไม่​ทำ​บัตร​ไว้​บ้าง​ ​ก็​เลยทำ​"

"​เห็นว่าฟรีค่าสมัคร​ ​แถม​ไม่​ต้อง​จ่ายรายปี​ ​ก็​เลยทำ​ติดกระ​เป๋า​ไว้​"

​นี่คือตัวอย่างเหตุผลของหลากหลาย​ “​ชีวิตหนี้​” ​ที่​ไม่​ประสงค์​จะ​ออกนาม​ ​ได้​ให้​สัมภาษณ์​ถึง​ปฐมบทแห่งการทำ​บัตรเครดิตหลายคน​ไม่​มี​ความ​จำ​ เป็น​ต้อง​ทำ​ ​แต่​ด้วย​ถูกชักชวน​และ​เห็น​ถึง​ข้อดีที่ทางสถาบันการเงินชวนเชื่อ​ใน​ เชิงว่าทำ​ไว้​ไม่​เสียหายอะ​ไร​ ​จึง​ตัดสินใจทำ

​ที่น่าสังเกต​ใน​ความ​เหมือนของคนเหล่านี้​ ​คือ​ ​แม้​ไม่​มี​ความ​จำ​เป็น​ที่​จะ​ต้อง​ใช้​เงิน​ ​แต่​เมื่อทำ​บัตรเครดิตเอา​ไว้​กับ​ตัว​แล้ว​ก็อดที่​จะ​ใช้​ รูดเพื่อซื้อสินค้า​หรือ​บริการต่างๆ​ ​ไม่​ได้​ ​เนื่อง​จาก​ข้อดี​เฉพาะหน้าของบัตรเหล่านี้คือ​สามารถ​เนรมิต​ให้​ผู้​ใช้​ กลาย​เป็น​เศรษฐีชั่วคราว​ได้​ภาย​ใน​พริบตา​ ​และ​สามารถ​ใช้​การ์ดพลาสติก​ได้​เหมือน​กับ​การ​ใช้​เงินฟ่อน​ใหญ่​ เพื่อซื้อ​ความ​สะดวกสบาย​จาก​สินค้า​และ​บริการต่างๆ​ ​ซึ่ง​ทำ​ให้​ผู้​บริ​โภคจำ​นวน​ไม่​น้อย​ยัง​คงหลงใหล​ได้​ปลื้มไป​กับ​ เจ้าบัตรเครดิตนี้​อยู่

​แต่​เมื่อครบรอบวาระที่บิลค่า​ใช้​จ่าย​จาก​บัตรส่งตามมา​เก็บ​ถึง​ ที่บ้าน​ ​หลายต่อหลายคนแทบ​ถึง​กับ​ล้มตึงเมื่อเห็นตัวเลขที่​ต้อง​จ่าย

​ไหน​จะ​ค่า​ใช้​ที่จ่ายไปจริง​ ​ค่าดอกเบี้ยรายเดือน​ ​ค่าบริการ​ ​แถม​ยัง​ต้อง​มีค่าจ่ายเมื่อนำ​บิลไปจ่ายที่จุดรับจ่ายตามร้านสะดวกซื้อ​ 24 ​ชั่วโมง​ ​หรือ​ที่ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ​ ​และ​เมื่อเกิดภาวะฝืดเคืองของบัตร​ ​วงเงินบัตร​ใกล้​เต็มก็ทำ​ให้​ต้อง​หันไป​ใช้​บริการเพิ่ม​ด้วย​การกู้บัตร ​อื่น​เพิ่มขึ้นเพื่อเอามา​โปะบัตรที่​ใกล้​เต็มวงเงิน​ ​เป็น​การสร้างหนี้ทวีคูณขึ้นไปแบบนี้​เรื่อยๆ​ ​จน​ไม่​สามารถ​กู้​เงินผ่านบัตร​จาก​ธนาคาร​หรือ​จาก​สถาบันการเงิน​ได้​ แล้ว​ ​ทำ​ให้​จำ​ต้อง​หันหน้า​ไปพึ่งเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยสูง

**​เป็น​หนี้บัตรครบหันซบหนี้​เถื่อน

นิรมล​ ​อัศวมณี ​ตัวแทน​จาก​ธนาคารแห่งประ​เทศไทย​ ​เปิดเผย​ถึง​ความ​น่ากลัวของหนี้นอกระบบว่า​ ​มี​ผู้​ที่​เป็น​หนี้​เป็น​จำ​นวนมากที่​เป็น​หนี้​ทั้ง​ธนาคาร​และ​ หนี้ของสถาบันการเงินต่างๆ​ ​ที่รู้จัก​กัน​ใน​นามของ​ “​นอนแบงก์​ (NON-BANK)” ​และ​ได้​หมุนเงินไปมาระหว่างบัตรจนเงินตึงมือ​และ​ไม่​มีทางออก​ ​จนจำ​ต้อง​หันหน้า​เข้า​ สู่วงจรอุบาทว์ของหนี้นอกระบบที่ติดโฆษณาชวนเชื่อตามเสา​ไฟฟ้า​หรือ​ตู้​ โทรศัพท์​ ​ซึ่ง​เงินกู้​เหล่านี้​จะ​มีดอกเบี้ยสูงมาก​ ​แต่​ใน​เมื่อ​ผู้​บริ​โภค​ไม่​มีทางเลือกก็จำ​เป็น​ต้อง​ยอมรับข้อตกลงที่​ แสนเอา​เปรียบ​ ​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​ดอกเบี้ยที่​แพงมหา​โหด​ซึ่ง​บางแห่งคิด​เป็น​รายวัน​! ​สัญญาที่​ไม่​เป็น​ธรรม​ ​การตุกติกลักไก่​เพื่อเอา​เปรียบ​ใน​ทุกประตูที่ทำ​ได้​ ​แถมการติดตามทวงหนี้ที่บางเจ้า​เอา​กัน​ถึง​ขนาดข่มขู่​หรือ​ทำ​ร้าย​กัน​ จนเลือดตกยางออก

“​จริงๆ​ ​แล้ว​พวกหนี้นอกระบบเหล่านี้อยาก​จะ​ประสานไป​ยัง​สำ​นักงานตำ​รวจแห่งชาติ ​ (สตช​.) ​และ​หน่วยงานที่​เกี่ยวข้อง​ให้​ช่วย​กัน​ออกปราบปรามจับมาลงโทษตามกฎหมาย​ ​เพราะ​เป็น​ธุรกิจที่อาศัย​ความ​เดือดร้อนของ​ผู้​บริ​โภคหากำ​ไรเกินควร​ เข้า​กระ​เป๋าตนเอง​”

​ตัวแทน​จาก​ธนาคารแห่งประ​เทศไทย​ยัง​แนะนำ​ต่ออีก​ด้วย​ว่า​ ​หากเลือก​ได้​ไม่​ควรไป​ใช้​บริการของหนี้นอกระบบเหล่านี้​ ​แต่หากเลือก​ไม่​ได้​ ​สิ่งที่ควรทำ​ก็คือ​ต้อง​อ่านเอกสารสัญญา​ให้​ถี่ถ้วน​ไม่​ว่า​เอกสาร​นั้น ​จะ​มี​ความ​ยาวหลายหน้ากระดาษก็ตาม

​และ​สิ่งที่น่ากลัวที่สุดอย่างหนึ่ง​ ​คือ​ ​การหลอกล่อ​ให้​ลงชื่อ​ใน​กระดาษเปล่า​ ​ซึ่ง​ผู้​บริ​โภค​ไม่​ควรหลงเชื่อลงชื่อไปอย่างเด็ดขาด​ ​เพราะ​ไม่​ว่า​จะ​เต็มใจ​หรือ​ไม่​ ​หรือ​แม้​จะ​เป็น​ความ​รู้​เท่า​ไม่​ถึง​การณ์​ ​หากเกิดปัญหา​และ​ความ​ยุ่งยากขึ้น​ ​เมื่อมีการลงลายเซ็นที่ยืนยัน​ได้​ว่า​เป็น​ของจริง​ ​ศาล​จะ​เชื่อตามหลักฐานว่า​เป็น​ความ​ยินยอม​จาก​เจ้าตัวเอง​และ​ทำ​ให้​ เสียเปรียบทางกฎหมาย

**​นิติกรกรมบังคับคดี​เผย​ ​ยุคนี้ถือว่ายืดหยุ่น

ทร​ ​ชาวพิจิตร ​นิติกร​จาก​กรมบังคับคดี​ ​บอกว่า​ ​ปัจจุบันมี​ความ​อะลุ่มอล่วย​ใน​การบังคับยึดทรัพย์ของลูกหนี้มากขึ้นกว่า​ เมื่อก่อน​ ​โดย​เฉพาะ​ใน​เรื่องของการอายัดเงินเดือนที่​ไม่​ว่า​จะ​ติดหนี้มากแค่​ไหน ​ ​ก็​จะ​มีอำ​นาจบังคับอายัดเงินเดือน​ใช้​หนี้​ได้​เพียง​30%​ของเงินเดือน​ ​แถมหากลูกหนี้มีภาระมาก​ ​เช่นมีบุตรหลายคน​ ​ต้อง​เลี้ยงดูพ่อแม่​ ​ก็​จะ​มีการพิจารณาลดหย่อนการอายัด​ได้​อีก​ด้วย

“​ก่อนหน้าหนี้การอายัดทรัพย์สินถือว่าค่อนข้างโหด​ ​เวลายึดนี่ยึด​กัน​ชนิดหมดตัวเหลือ​กัน​แต่บ้านเปล่าๆ​ ​แต่สมัยนี้ทางกรมบังคับคดีมีนโยบายดู​แลลูกหนี้​ด้วย​ ​ไม่​ใช่​ว่า​จะ​ตั้งหน้าตั้งตายึดอย่างเดียว​ ​แต่​จะ​ดู​แล​ให้​ลูกหนี้พอ​อยู่​ได้​ ​เพื่อ​ให้​ลูกหนี้​สามารถ​มีสินทรัพย์​และ​ทุนทรัพย์พอที่​จะ​เป็น​ทุนรอน​ ใน​การลืมตาอ้าปาก​ ​หา​เงินมา​ใช้​หนี้​แก่​เจ้าหนี้​ได้

​โดย​เฉพาะ​ใน​ส่วน​ของเงินเดือนที่ก่อนหน้านี้ยึด​กัน​แทบหมดตัว​ ​แต่​เดี๋ยวนี้กรมบังคับคดี​จะ​สามารถ​อายัดเงินเดือนของลูกหนี้​ เพื่อคืนแก่​เจ้าหนี้​ได้​มากที่สุดเพียง​30%​ของเงินเดือน​เท่า​นั้น​ ​ทั้ง​นี้​เพื่อ​ให้​ลูกหนี้​และ​ครอบครัว​สามารถ​ดำ​รงชีวิต​อยู่​ได้​ ​และ​หากลูกหนี้มีภาระ​ต้อง​รับผิดชอบ​ ​เช่น​ ​มีลูกเยอะ​ ​มีพ่อแม่ที่​แก่​แล้ว​ต้อง​ดู​แล​ ​อย่างนี้ทางกรมฯ​ ​ก็​จะ​มีการพิจารณาลดหย่อนเปอร์​เซ็นต์การอายัดเงินเดือนลง​ให้​อีก​ด้วย​”

​นิติกร​จาก​กรมบังคับคดีกล่าวต่อไปอีกว่า​ ​อีกหนึ่งปัญหาที่ลูกหนี้​ต้อง​ประสบก็คือการที่​เจ้าหนี้​หรือ​ผู้​ รับทวงหนี้ปลอมแปลงเอกสารหนังสือของกรมบังคับคดี​เพื่อบังคับอายัดเงินเดือน ​หรือ​ทรัพย์สินของลูกหนี้​ ​ซึ่ง​ใน​ส่วน​นี้อยากแนะนำ​ว่าหากลูกหนี้พบกรณี​แบบนี้​สามารถ​ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำ​รวจเอาผิด​ได้​ทันที

** ​นักจิตฯ​แนะ​ “​ยิ้มรับหนี้​”

​สำ​หรับบรรยากาศ​ใน​วันเปิดตัวชมรมฯ​ ​แม้​จะ​เลือก​เป็น​วันหยุดสุดสัปดาห์​เป็น​วันเปิดตัว​ ​ก็​ยัง​คงมีประชาชน​ผู้​มีหนี้​เป็น​จำ​นวนกว่าร้อยคน​ ​เดินทางไปร่วมงาน​และ​ได้​ซักถามปัญหาต่างๆ​ ​ที่พบเจอ​จาก​การมีหนี้สิน​ ​และ​มี​ไม่​น้อยที่​เกิด​ความ​เครียด​จาก​การ​เป็น​หนี้

สุพรรณี​ ​ภู่กำ​ชัย ​นักวิชาการสาธารณสุขด้านจิตวิทยา​ ​กรมสุขภาพจิต​ ​ได้​แนะนำ​ว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการตั้งสติ​และ​ยอมรับ​กับ​สภาพ​ความ​เป็น ​จริงที่​เกิดขึ้น​ ​แต่​ต้อง​พยายามจัดลำ​ดับ​ความ​คิด​ให้​ดี​ ​อย่าสับสน​หรือ​ท้อแท้​ ​และ​ต้อง​มีทัศนคติ​เชิงบวกเพื่อ​เป็น​การ​ให้​กำ​ลังใจตนเอง

“​ภาวะ​ไม่​มีสตางค์​เป็น​เรื่องปกติ​ ​แต่ภาวะ​ไม่​มีสติ​นั้น​เป็น​ปัญหา​ใหญ่​ ​ปัญหาของคนเรา​ไม่​ว่า​จะ​หนักหนา​แค่​ไหน​ ​อย่างแรกที่​ต้อง​ทำ​คือการจัดระบบ​ความ​คิด​และ​การจัดลำ​ดับ​ความ​คิด​ ​โดย​ส่วน​ตัวเห็น​ด้วย​และ​รู้สึกดี​กับ​การก่อตั้งชมรมฯ​ ​นี้​ ​เพราะ​บางครั้งการ​เป็น​หนี้ที่ทำ​ให้​เรารู้สึกว่า​ไม่​มีทางออก​หรือ​ไม่ ​มีทางเดินจนเกิด​ความ​ท้อแท้​นั้น​ ​ทางแก้อาจ​จะ​เป็น​เพียงเส้นผมที่บังภู​เขา​ ​แต่ตอนที่ชีวิตวิกฤต​ ​เราอาจ​จะ​มอง​ไม่​เห็น​ ​แต่​ถ้า​มี​เพื่อน​ ​มีกัลยาณมิตรที่ดี​ ​มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์​ ​ก็​จะ​ช่วย​ให้​เรารู้ว่า​ไม่​ได้​มี​เราคนเดียวที่กำ​ลังแย่​ ​แต่มีคนอีก​เป็น​จำ​นวนมากที่กำ​ลังต่อสู้​กับ​ปัญหา​ ​ทำ​ให้​เรา​เกิดกำ​ลังใจ​ ​ทั้ง​ยัง​มี​ผู้​เชี่ยวชาญแนะนำ​ช่องทาง​ ​ทางออก​ใน​การแก้ปัญหา​ ​ซึ่ง​เป็น​ประ​โยชน์มาก​” ​สุพรรณีกล่าว

**​ปธ​.​ชมรมฯยัน​ไม่​ได้​หาช่อง​ช่วย​หนีหนี้

​และ​แม้​จะ​มีกระ​แส​โดย​อ้อม​จาก​หลายๆ​ ​คนที่​ไม่​ได้​เป็น​หนี้​ ​มองชมรมฯ​ด้วย​เชิงลบ​ ​และ​กระ​แส​โดย​ตรง​จาก​บรรดา​เจ้าหนี้ที่หลายราย​ถึง​กับ​ยกหู​ โทรศัพท์มาด่าทอว่าชมรมฯดังกล่าวเปิดขึ้นเพื่อ​ช่วย​ให้​คนสร้างหนี้​ทั้ง​ หลายหาช่องหนีหนี้ที่ตนเอง​ได้​ก่อ​ไว้

​ใน​ส่วน​นี้​ ​สา​โรจน์​ใน​ฐานะ​ผู้​ริ​เริ่มแนวคิด​ ​และ​ประธานชมรมหนี้บัตรเครดิต​และ​สินเชื่อ​ส่วน​บุคคล​ได้​ชี้​แจงเอา​ไว้ ​อย่างชัดเจนว่า​ ​ชมรมฯ​ ​ที่ตั้งขึ้นนี้​ไม่​ได้​สนับสนุน​ให้​คน​เป็น​หนี้​ ​และ​ไม่​ใช่​ช่วย​เหลือ​ให้​คำ​ปรึกษา​ให้​คนมีหนี้หนีหนี้​แต่ประการ​ใด​ ​หากแต่​เป็น​ความ​ตั้งใจที่​จะ​ช่วย​เหลือเพื่อนหัวอกเดียว​กัน​ ที่มีปัญหาหนี้สิน​กับ​บัตรเครดิต​หรือ​สินเชื่อ​ส่วน​บุคคลที่มีปัญหา​ ​และ​ยัง​ขาด​ความ​รู้​ใน​แง่กฎหมาย​ ​ซึ่ง​ทำ​ให้​ถูกเอารัดเอา​เปรียบ​จาก​เจ้าหนี้

“​ตั้งแต่​เรา​เริ่มรวมตัว​ใน​อินเทอร์​ เน็ตก็ถูกโจมตี​จาก​ทั้ง​ประชาชน​ทั่ว​ไปที่​ไม่​มีหนี้​ ​ที่มองเราว่าพวกเรา​เป็น​พวกฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม​ ​ใช้​เงินเกินตัวจน​ต้อง​ไปกู้หนี้ยืมสิน​แล้ว​ไม่​มีปัญญา​ใช้​ ​อันนี้ผมก็ยอมรับคนที่​เป็น​หนี้​ด้วย​การฟุ้งเฟ้อก็มี​ ​แต่​เราถือว่า​เป็น​เรื่อง​ส่วน​ตัวที่​จะ​เป็น​สิทธิของ​เขา​ที่​จะ​ มีจุดประสงค์ของการนำ​เงินกู้​ไปทำ​อะ​ไร​ ​แต่ก็มีอีก​ไม่​น้อยที่​เป็น​หนี้​เป็น​สิน​เพราะ​ความ​จำ​เป็น​บังคับ​ ​ซึ่ง​ลูกหนี้​เหล่านี้ประสบปัญญาหลักๆ​ 2 ​ประการคือการขาด​ความ​รู้ด้านกฎหมายหนี้สิน​ ​ทำ​ให้​เจ้าหนี้​เอา​เปรียบ​ ​พยายามเรียกเก็บหนี้จน​เขา​ไม่​สามารถ​จะ​ดำ​รงชีวิต​อยู่​ได้​ ​คือมี​เงิน​เท่า​ไหร่ก็​ต้อง​จ่ายหนี้หมด​ ​ทั้ง​ที่กรมบังคับคดีก็มีกฎว่า​เจ้าหน้าที่​แจ้งอายัดเงินเดือน​ได้​เพียง​ 30 ​เปอร์​เซ็นต์​ ​แต่บางคน​ไม่​รู้​ ​ใน​ส่วน​นี้ก็​ยัง​มีอีก​เป็น​จำ​นวนมากที่​ต้อง​จ่ายเจ้าหนี้​แทบเต็มจำ​ นวนเงินเดือนจนตนเอง​ไม่​มี​เงิน​ใช้​”

“​ที่​เราพยายาม​จะ​ทำ​ก็คือ​ให้​ คำ​ปรึกษา​ ​หาช่องทาง​ให้​คนเหล่านี้มีที่ยืนหยุดพัก​ ​และ​มี​แรงมีกำ​ลังพอ​จะ​หา​เงินมา​ใช้​หนี้​ได้​ใหม่​ ​ให้​ชีวิตลืมตาอ้าปาก​ได้​ ​แต่​เจ้าหนี้ก็​โทรมาด่า​เรานะ​ ​หาว่า​เราหาช่อง​ให้​ลูกหนี้จ่ายหนี้​ได้​น้อยลง​ ​ทำ​ให้​ราย​ได้​ของ​เขา​แต่ละ​เดือนลดลง​ด้วย​แต่ที่ยืนยันอย่างที่สุดคือ​ ​ทุกคำ​แนะนำ​ของเรา​จะ​เป็น​การแนะนำ​ให้​หาทางออกแบบถูกกฎหมาย​ทั้ง​นั้น​ ครับ​” ​สา​โรจน์ยืนยันทิ้งท้าย

########################

เรื่อง​...​เจิมใจ​ ​แย้มผกา

ผู้​จัดการรายวัน

How you get a good grade in your class????????

เอาน่าเคยเป็นกันทุกคน ดูเอาขำขำน่ะ

อภินิหารจตุคามรามเทพ

อันนี้้​เพื่อนไปมา​ ​เลยส่งมา​ให้​ดู​ ​ถ่าย​จาก​กล้องตัวเอง​ ​ภาพมี​ Noise ​พอสมควรเลยเอาออกไปเยอะ​แล้ว
อภินิหารจตุคามรามเทพ

ระวังแก๊งลักเด็กช่วงปิดเทอม​ ​ล่าสุดออกอาละวาด​ ​ที่สุพรรณบุรี​

ระวังแก๊งลักเด็กช่วงปิดเทอม​ ​ล่าสุดออกอาละวาด​ ​ที่สุพรรณบุรี​
2 ​เม​.​ย​. 50 - 16:45

นพ​।​พลเดช​ ​ปิ่นประทีป​ ​รัฐมนตรี​ช่วย​ว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคม​และ​ความ​มั่นคงของมนุษย์​ (พม​.) ​กล่าววันนี้​ (2​เม​.​ย​.) ​ถึง​ปัญหา​เด็กหาย​โดย​แก๊งลักเด็ก​ ​เพื่อนำ​ไปค้ามนุษย์​และ​ขายแรงงานว่า​ ​เป็น​ปัญหาสำ​คัญที่​ไม่​น่า​เชื่อว่า​จะ​มี​ ​แต่มีจริง​ ​และ​ไม่​มี​แนวโน้มหมดไป​ ​จำ​เป็น​ต้อง​ได้​รับการแก้​ไขอย่างจริงจัง​ ​โดย​อาศัย​ความ​ร่วมมือทุกฝ่ายที่​เกี่ยวข้อง​ ​โดย​เฉพาะการติดตามคนหายกลับมา​ โดย​ได้​หารือเบื้องต้น​กับ​ตำ​รวจท้องที่​ ​ว่า​จะ​ต้อง​ปรับ​ให้​มี​ความ​รวด​เร็ว​และ​ประสาน​กับ​เครือข่ายสังคม​ ​เช่น​ ​ถ้า​มีกรณี​เด็กหาย​ ​จะ​ประสานศูนย์ประชาบดีของ​ ​พม​.​อย่างไร​ ​และ​ต้อง​มีประกาศเด็กหาย​ ​โดย​ติดรูปที่ตามโรงพัก​ ​และ​สื่อต่าง​ ​ๆ​ ​ทั้ง​นี้​ ​ใน​วันที่​ 9 ​เมษายนนี้​ ​พม​. ​จะ​จัดประชุมปัญหา​แก๊งลักเด็ก​ ​เพื่อจุดประกาย​ให้​สังคมตระหนัก​ถึง​ความ​รุนแรงของปัญหา​ ​พร้อม​ทั้ง​หา​แนวทางป้อง​กัน​และ​แก้​ไขปัญหาร่วม​กับ​หน่วยงานที่​เกี่ยวข้อง​ ​เช่น​ ​สำ​นักงานตำ​รวจแห่งชาติ​ ​และ​กรุงเทพมหานคร​ ทั้ง​นี้​ ​จาก​สถิติของสำ​นักงานตำ​รวจแห่งชาติ​ ​พบว่า​ ​ตั้งแต่ปี​ 2547 ​มี​เด็กสูญหายจำ​นวน​ 755 ​ราย​ ​เป็น​เด็กอายุต่ำ​กว่า​ 18 ​ปีมากที่สุด​ ​ช่วงเวลา​เกิดขึ้นมาก​ใน​ช่วงปิดเทอม​ ​ซึ่ง​เฉพาะปี​ 2549 ​มี​เด็กสูญหายไป​ 82 ​ราย​ ​และ​ใน​ช่วงปิดเทอมตั้งแต่ตุลาคม​ 2549-มีนาคม​ 2550 ​เด็กหายไป​แล้ว​ 14 ​ราย​ ผู้​สื่อข่าวรายงาน​ด้วย​ว่า​ ​วันนี้​ ​ผู้​ปกครองนักเรียน​ ​อำ​เภอศรีประจันต์​ ​จังหวัดสุพรรณบุรี​ ​นำ​เด็กนักเรียนหญิง​ ​จำ​นวน​ 7 ​คน​ ​เข้า​ให้​ปากคำ​กับ​พนักงานสอบสวนตำ​รวจภูธร​ ​อำ​เภอศรีประจันต์​ ​โดย​ระบุว่า​ ​เมื่อวันที่​ 23 ​มีนาคม​ ​ที่ผ่านมา​ ​ขณะ​เด็กนักเรียน​ทั้ง​ 7 ​คน​ ​เดินทางไปโรงเรียน​ ​วัดวังพลับ​ใต้​ ​ตำ​บลมดแดง​ ​อำ​เภอศีรประจันต์​ ​มีรถตู้สีขาวคาดดำ​ไม่​ทราบหมายเลขทะ​เบียน​ ​ด้านหน้ารถเขียนคำ​ว่า​ ​รถรับส่งนักเรียน​ ​พยายามชักชวน​ให้​ขึ้นรถ​ ​แต่​เด็ก​ทั้ง​หมดกลัวว่า​จะ​เป็น​รถตู้จับเด็ก​จึง​วิ่งหนีมา​เล่า​ให้​ผู้​ปกครองฟัง​ ​เมื่อแจ้งไป​ยัง​หมายเลข​ 191 ​เพื่อ​ให้​ตำ​รวจตรวจสอบรถตู้คันดังกล่าว​ ​ได้​รับคำ​ตอบว่า​จะ​ให้​ทำ​อย่างไร เบื้องต้นพนักงานสอบสวน​ ​ยัง​ไม่​รับแจ้ง​ความ​เนื่อง​จาก​ต้อง​ตรวจสอบรายละ​เอียด​ ​เรื่องที่​เกิดขึ้น​ทั้ง​หมด​ ​แต่​เชื่อว่ามี​ความ​เป็น​ไป​ได้​สูง​ ​เนื่อง​จาก​เด็ก​ทั้ง​ 7 ​คน​ให้​การตรง​กัน​ ​ขณะที่ทางโรงเรียน​ได้​ประชาสัมพันธ์​ให้​ผู้​ปกครองระวังขบวนการลักเด็กช่วงปิดภาคเรียน

ไทยรัฐ

ทำไมคนที่เรารักมากที่สุด.. เรากลับเกรงใจน้อยที่สุด

ทำไมคนที่เรารักมากที่สุด.. เรากลับเกรงใจน้อยที่สุด
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเป็นกันเหมือนกัน เรายอมอ่อนน้อมถ่อมตน พูดเพราะ
เข้าใจอะไรง่ายๆ กับ "คนอื่น" แต่กับคนที่เรารัก..แน่นอน..
ว่าเราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด
แต่บางครั้ง..เราก็เผลอเมินเฉยกับอารมณ์ของเขา
โดยเอาอารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง เราเกรงใจคนแปลกหน้า..
ที่เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับเราเลย
แต่กับคนที่เขาแคร์เราและเราแคร์เขามากๆ ..
บางครั้งเราก็ทำอะไรโดยไม่เกรงใจเขา
ฉันไม่ได้พูดเฉพาะกับคนที่เป็นแฟนกันเท่านั้นนะ..
ยังรวมถึงพ่อแม่เราด้วย .........
เราทำดี..พูดดี..กับใครได้หลายคน.. แต่กับคนที่เราเรียกว่า
"คนกันเอง" เรากลับไม่ค่อยได้ทำอะไรให้เขาปลื้มใจ..
หรือแคร์อารมณ์เขาเลย เหมือนอย่างบางคนระยะจีบกัน..
เอาอกเอาใจสารพัด พอเป็นแฟนกันแล้ว..
ฝ่ายหญิงกลับรู้สึกว่าฝ่ายชาย "เอาใจ" น้อยลง แต่ "เอาแต่ใจ"
ตัวเองมากขึ้น คำพูดหวานๆ บางคำ..ลาตายจากไป แม้เขาจะพูดว่า..
อยู่กับเราเขาเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เพราะไว้ใจเราที่สุด
........... แต่ความรัก.. นอกจากจะเป็นการถ่ายเท
ความเป็นตัวของตัวเองแล้ว ก็น่าจะมีการถ่ายเท
ความอ่อนโยน..ความเอาใจใส่.. และดูแลซึ่งกันและกันพ่วงไปด้วย
.......... ฉันอยากให้คนที่รักกัน.. มองอีกฝ่ายว่าเป็น
"คนพิเศษ" เพราะน้อยคนนักที่จะเกิดมาให้เรารักได้อย่างนี้
สิ่งที่ปฏิบัติต่อกัน.. ก็ควรจะมีความพิเศษ..เหนือคนอื่น
พิเศษทั้งการให้และการรับ..
เป็นความพิเศษที่ทำให้หัวใจทั้งสองฝ่ายอิ่มเอม แล้วลองตอบคำถามซิว่า..
ระหว่างคนแปลกหน้ากับคนพิเศษ... เรามองหาใคร?

Good furniture

เพื่อนส่งมา​ให้​ดูทางเมลล์​เห็นว่า​เป็น​ Idea ​ที่ดี​เลยเอามา​เผยแพร่​กัน
Good furniture

เด็ก​ ​ป​.5 ​ถูกรถตู้​ไล่จับ​ ​โทรแจ้ง​ 191 ​ถูกย้อน​จะ​ให้​ทำ​ไง​?

เด็ก​ ​ป​.5 ​ถูกรถตู้​ไล่จับ​ ​โทรแจ้ง​ 191 ​ถูกย้อน​จะ​ให้​ทำ​ไง​?

สรุปประ​เด็นข่าว​โดย​กระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์​เน็ต​ ​ไม่​เกี่ยวข้อง​กับ​ข้อมูล

เมื่อวันที่​ 1 ​เม​.​ย​. ​ที่​ ​ชาวบ้าน​ ​ต​.​มดแดง​ ​อ​.​ศรีประจันต์​ ​จ​.​สุพรรณบุรี​ ​ได้​ร่ำ​ลือ​กัน​ว่า​ มี​เด็กนักเรียน​ ​โรงเรียน​ ​วัดวังพลับ​ใต้​ ​หมู่​ 7 ​ต​.​มดแดง​ ​เกือบตก​เป็น​เหยื่อแก๊งรถตู้ลักเด็ก แต่​สามารถ​หนีรอดมา​ได้อย่างหวุดหวิด​ ​ผู้​สื่อข่าว​จึง​รุดไปตรวจสอบข้อเท็จจริง

​จาก​การสอบถาม​ ​ด​.​ญ​.​เอ​ (นามสมมุติ) ​นักเรียน​ ​ชั้น​ ​ป​. 5 ​ผู้​ประสบเหตุ​ ​เล่า​ให้​ฟังว่า​ ช่วง​เช้า​วันที่​ 23 ​มี​.​ค​.​ที่ผ่านมา​ ​ระหว่างที่ตนขี่จักรยานกลับ​จาก​ฟังผลสอบที่​โรงเรียน​ ​ได้​มีรถตู้​ ​สีขาว​ ​จำ​ตัวอักษรทะ​เบียนรถ​ได้​เพียง​ "พม" ​วิ่งมาจอดเทียบ​ ​จาก​นั้น​ได้​มีชาย​ 3 ​คน​ ​ลงมาถามตนว่า​ "​ไป​กับ​ลุงไหม" ​ก่อนฉุดกระชากลากขึ้นรถ​ ​โชคดี​เพื่อนนักเรียนเห็นเหตุการณ์​จึง​ช่วย​กัน​ร้องตะ​โกนจนชาวบ้านวิ่งออกมา​ช่วย​ได้​ทัน​ ​เผยเห็นเด็ก​ใน​รถ​ ​ประมาณ​ 4-5 ​คน​ ​ถูกมัดมือมัดเท้า​และ​ปิดปาก​ด้วย​ผ้า​เทปสีดำ​ ​พยายามดิ้นรนหนีออกมา

​ขณะที่นางบุญ​ยัง​ ​เขียวอ่อน​ ​มารดาของหนึ่ง​ใน​นักเรียนที่​อยู่​ใน​เหตุการณ์​ ​กล่าวว่า​ ช่วงเกิดเหตุลูกสาวของตน​ได้​วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่า​ ​มีรถตู้ลักพาตัวเด็ก​ ​ตนเลยรีบแจ้ง​ 191 ​ปรากฏว่า​ ​มี​เจ้าหน้าที่รับสาย​ ​แต่กลับมาถามตนว่า ​"​แล้ว​จะ​ให้​ทำ​อย่างไร" ​ตนเลยกดโทรศัพท์​ ​ทิ้ง​เพราะ​ไม่​รู้ว่า​จะ​ขอ​ความ​ช่วย​เหลือ​จาก​ใคร​ได้​อีก

​ด้าน​ ​พล​.​ต​.​ต​.​ปรา​โมทย์​ ​ไทรหอมหวล​ ​ผบก​.​ภ​.​จว​.​สุพรรณบุรี​ ​กล่าวว่า​ ​ตน​ได้​แจ้ง​ให้​จัดกำ​ลังสายตรวจออกตรวจตราพื้นที่อย่างเข้มงวด​ ​ส่วน​กรณีที่ชาวบ้านบาง​ส่วน​ร้องเรียนมาว่า​ ​ได้​โทรศัพท์​แจ้งไป​ยัง​ 191 ​เพื่อขอ​ความ​ช่วย​เหลือแต่​ไม่​ได้​รับ​ความ​ร่วมมือ​นั้น​ ​ต้อง​ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อน​ หากพบว่า​เจ้าหน้าที่ละ​เลย​จะ​มีการพิจารณาลงโทษต่อไป

กระปุก ข่าว!

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2550

“​หญิงหน่อย​” ​นำ​ทีมบริจาคเลือด​! ​สบช่อง​-​เช็กยอดพลพรรค​ ​ทรท​.


สุดารัตน์​” ​นำ​ทีม​ ​ส​.​ส​.-​ส​.​ก​.-​ส​.​ข​.​พรรคไทยรักไทย​ ​แห่บริจาคเลือด​ ​ถือโอกาสเช็กยอดพลพรรค​ ​รับปากน้อมรับคำ​สั่ง​ ​คมช​. ​ยินดี​เข้า​สู่ระบบเลือกตั้ง​ ​แต่ขอลุ้นคำ​สั่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ​ใน​คดียุบพรรคก่อน

วันนี้​ (1 ​เม​.​ย​.) ​คุณหญิงสุดารัตน์​ ​เกยุราพันธุ์​ ​รักษาการรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย​ ​พร้อม​ด้วย​ ​อดีต​ ​ส​.​ส​.​กทม​. ​เช่น​ ​นางสาวศันศนีย์​ ​นาคพงศ์​ ​น​.​ส​.​ศุภมาศ​ ​อิสรภักดี​ ​นายวิชาญ​ ​มีนชัยนันท์​ ​นายเอกพจน์​ ​วงศ์อาระยะ​ ​และ​น​.​ต​.​ศิธา​ ​ทิวารี​ ​ฯลฯ​ ​รวม​ทั้ง​ ​ส​.​ก​.​และ​ ​ส​.​ข​.​ของพรรคไทยรักไทยประมาณ​ 100 ​คน​ ​เดินทางมาบริจาคโลหิตเพื่อถวาย​เป็น​พระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระ​เจ้า​อยู่​หัว​ ​เนื่อง​ใน​วโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา​ 80 ​พรรษา

คุณหญิงสุดารัตน์​ให้​สัมภาษณ์​เป็น​ครั้งแรกหลังการรัฐประหาร​ 19 ​ก​.​ย​.​ว่า​ ​กิจกรรมนี้​เป็น​แนวคิดของอดีต​ ​ส​.​ส​.​ใน​พรรคว่าควรบริจาคโลหิตถวาย​เป็น​พระราชกุศล​เนื่อง​ใน​วโรกาส​ 80 ​พรรษาของพระบาทสมเด็จพระ​เจ้า​อยู่​หัว​ ​ทั้ง​นี้​ ​เนื่อง​จาก​ที่ผ่านมาพวกเรา​ไม่​ได้​ทำ​กิจกรรมทางการเมือง​ ​แม้​จะ​มีการพบปะ​กัน​บ้าง​ ​ส่วน​การที่นายกรัฐมนตรีกำ​หนดวันเลือกตั้งประมาณเดือนธันวาคม​ไว้​แล้ว​นั้น​ถือว่า​เป็น​สิ่งที่ดี​เพราะ​ทุกอย่าง​จะ​ได้​กลับ​เข้า​สู่ระบบ​ ​แต่​ถึง​อย่างไรพวกตนก็​ต้อง​รอผลการพิจารณาของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญคดียุบพรรคว่า​จะ​เป็น​อย่างไร​ ​ซึ่ง​ขณะนี้พวกตนก็ปฏิบัติตามคำ​สั่ง​ ​คมช​. ​และ​นายจาตุรนต์​ ​ฉายแสง​ ​รักษาการหัวหน้าพรรค​ ​อย่างเคร่งครัด

เมื่อถามว่า​ ​การยกเลิกประกาศ​ ​คปค​.​ฉบับ​ที่​ 15, 27 ​หลังการลงประชามติมี​ความ​เห็นอย่างไร​ ​คุณหญิงสุดารัตน์​ ​กล่าวว่า​ ​ทุกคนล้วนอยากเห็นประ​เทศชาติ​เกิด​ความ​สงบ​ ​และ​ ​คมช​.​ไม่​ควรคิดว่าพรรคการเมือสร้าง​ความ​วุ่นวาย​ ​โดย​ที่น่า​จะ​มีการหารือ​ใน​ช่วงเวลาที่​เหมาะสม​ ​ซึ่ง​คิดว่าทุกพรรคพร้อม​ให้​ความ​ร่วมมือเพื่อ​ให้​บ้านเมืองเกิด​ความ​สงบ​และ​สมานฉันท์​ ​เเละ​เตรียมไปสู่การเลือกตั้ง​ ​เรื่องนี้​อยู่​ที่​ความ​ไว้​วางใจ​ซึ่ง​กัน​และ​กัน

เมื่อถามว่ากลุ่ม​ ​กทม​.​ยัง​สังกัดพรรคไทยรักไทยต่อไป​หรือ​ไม่​ ​คุณหญิงสุดารัตน์​ ​กล่าวว่า​ ​วันนี้​ยัง​ไม่​เห็นมี​ใครลาออกแต่ก็​ยัง​ไม่​สามารถ​ทำ​งานทางการเมือง​ได้​ ​มี​เพียงการทำ​งานเพื่อสังคม​ ​โดย​ทุกคน​ยัง​ทำ​ตามคำ​สั่ง​ ​คมช​.​โดย​ไม่​ได้​เคลื่อนไหว

เมื่อถาม​ถึง​ท่อน้ำ​เลี้ยง​จาก​พรรคที่สนับสนุนกลุ่มต่างๆ​ ​ให้​ต่อต้าน​ ​คมช​. ​และ​รัฐบาล​ ​คุณหญิงสุดารัตน์​ ​ตอบว่า​ ​พวกตน​ยัง​ให้​ความ​ร่วมมือต่อ​ ​คมช​. ​ไม่​ได้​สร้าง​ความ​วุ่นวาย​ให้​ประ​เทศ​ ​เพราะ​ปีนี้​เป็น​ปีมหามงคลเชื่อว่าทุกพรรค​ไม่​ได้​คิดเเตกต่างไป​จาก​ตน​ ​ทุกคนคงรอเวทีการเลือกตั้งดีกว่าที่​จะ​มาสร้าง​ความ​วุ่นวาย​ให้​บ้านเมือง

มีรายงานข่าว​จาก​อดีต​ ​ส​.​ส​.​กทม​.​แจ้งว่า​ ​การนัดอดีต​ ​ส​.​ส​., ​ส​.​ก​. ​และ​ส​.​ข​.​กทม​.​มาบริจาคเลือด​ใน​ครั้งนี้​เป็น​ความ​คิดของคุณหญิงสุดารัตน์ที่​ต้อง​การเช็กยอดจำ​นวนอดีต​ ​ส​.​ส​., ​ส​.​ก​.​และ​ส​.​ข​.​ของพรรรคเพื่อแสดงศักยภาพ​ ​และ​ต้อง​การตรวจสอบว่า​ยัง​มี​ความ​เหนียวแน่น​และ​ยัง​อยู่​ใน​การดู​แลของคุณหญิงสุดารัตน์​หรือ​ไม่​ ​ทั้ง​นี้​ ​หากใคร​ไม่​มาคุณหญิงสุดารัตน์ขู่ว่า​จะ​ไม่​ให้​การสนับสนุนทุกด้าน​ ​รวม​ทั้ง​ไม่​ส่งลงเลือกตั้ง​ใน​นามพรรคไทยรักไทย

เรดแฮทเปิดไซต์ท่าค้า​โอเพ่นซอร์ส

เรดแฮท​ ​สร้างตลาดกลางซอฟต์​แวร์​โอเพ่นซอร์ส​จาก​ทั่ว​โลก​ ​เปิดช่องโอเพ่นซอร์สพันธุ์​ไทยขยายฐาน​ผู้​ใช้​ ​ระบุปี​ 2553 ​มูลค่าอุตสาหกรรมที่​เกี่ยวข้องลินิกซ์​ ​แตะ​ 4 ​หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ​ ​ชี้กลุ่มสื่อสาร​-​การเงิน​ ​ใช้​โอเพ่นซอร์สสูง​ ​สบช่องชิงฐานลูกค้า​ยัง​ลังเลลงทุนอัพเกรดไปวิสต้า

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์​ : ​นายเชน​ ​โอเวนบี​ ​ผู้​จัดการภูมิภาคอา​เซียน​ ​เรด​ ​แฮท​ ​เอเชียแปซิฟิก​ ​กล่าวว่า​ ​ภาย​ใน​ปีนี้​ ​บริษัท​จะ​พร้อมเปิด​ให้​บริการเวบไซต์ท่า​ "​เรดแฮท​ ​เอ็กซ์​เชนจ์​" (RedHat Exchange) ​ที่​เป็น​ตลาดกลางศูนย์รวมโอเพ่นซอร์สซอฟต์​แวร์ของโลก​ ​ที่ทำ​งานบนระบบปฏิบัติการของเรดแฮท​ ​ลินิกซ์​ ​โดย​จะ​ช่วย​สร้าง​ความ​แพร่หลายการ​ใช้​โอเพ่นซอร์สระดับแอพพลิ​เคชั่น

รูปแบบที่​จะ​เกิดขึ้นนี้​ ​บริษัท​ให้​ลูกค้าที่สนใจ​ใช้​งานซอฟต์​แวร์​โอเพ่นซอร์สที่มี​อยู่​ใน​เวบดาวน์​โหลดโปรแกรมไป​ใช้​งาน​ ​และ​เรดแฮทก็​จะ​ให้​บริการหลังการขาย​กับ​ลูกค้า​ ​และ​ใน​เวบ​จะ​มีซอฟต์​แวร์หลากหลายค่ายที่สร้างทางเลือก​ให้​ลูกค้า​ ​และ​มี​แอพพลิ​เคชั่นด้านบริหารทรัพยากรระบบ​ (อีอาร์พี) ​และ​การจัดการ​ความ​สัมพันธ์ลูกค้า​ (ซีอาร์​เอ็ม) ​และ​อื่นๆ​ ​ซึ่ง​เปิดกว้าง​ให้​โอเพ่นซอร์ส​ทั่ว​โลก​ ​รวม​ถึง​ไทย​ ​โดย​เรดแฮท​จะ​ได้​รับ​ส่วน​แบ่งราย​ได้​จาก​ซอฟต์​แวร์​ใน​เวบ

ทั้ง​นี้​ ​ข้อมูล​จาก​บริษัทอินเตอร์​เนชั่นแนล​ ​ดาต้า​ ​คอร์ปอเรชั่น​ ​หรือ​ไอดีซี​ ​คาดการณ์ว่า​ ​โอกาสของลินิกซ์​ใน​วงจรอุตสาหกรรม​ ​ทั้ง​ฮาร์ดแวร์​ ​ซอฟต์​แวร์​ ​และ​บริการรวม​ใน​ปี​ 2553 ​จะ​สูง​ถึง​ 40,000 ​ล้านดอลลาร์สหรัฐ​ ​จาก​ปี​ 2548 ​ที่มีมูลค่า​ 15,000 ​ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะ​เดียว​กัน​ ​ล่าสุด​ ​บริษัท​ได้​เปิดตัวระบบปฏิบัติการ​ "​เอ็นเตอร์​ไพร้ซ​ ​ลินิกซ์​ 5.0" ​ที่มีคุณสมบัติมากขึ้น​ใน​ราคาบริการ​เท่า​เวอร์ชั่น​ 4.0 ​และ​มีจุดเด่นสนับสนุนการทำ​งานระบบแบบเสมือน​ (เวอร์ช่วลไลเซชั่น) ​ช่วย​ลดค่า​ใช้​จ่ายจำ​นวนไลเซ่นระบบปฏิบัติการ​ได้​ ​และ​มีฟี​เจอร์ด้านการบริหารระบบ​ ​ช่วย​ลดค่า​ใช้​จ่ายการลงทุนระบบ​ ​และ​บริหารงานระบบ

ทั้ง​นี้​ ​ได้​แบ่งโซลูชั่นออก​เป็น​ 3 ​ส่วน​หลัก​เป็น​ครั้งแรก​ ​ได้​แก่​ ​งานดาต้า​เบส​ ​งานประมวลผลระดับสูง​ (ไฮเพอร์ฟอร์​แมนซ์​ ​คอมพิวติ้ง) ​และ​ดาต้า​ ​เซ็นเตอร์​ ​รวม​ถึง​เวอร์ชั่น​ ​แอดวานซ์​ ​แพลตฟอร์ม​ ​รองรับการทำ​งานเครื่องแม่ข่ายที่ทำ​งานระบบสำ​คัญอย่างยิ่งยวด​ (มิชชั่น​ ​คลิติคัล)

เขา​ ​มองว่า​ ​ช่วงเวลานี้​ ​จะ​เป็น​จังหวะที่ดี​ ​เนื่อง​จาก​ไมโครซอฟท์​เปิดตัววินโดว์ส​ ​วิสต้า​ ​ที่มี​เงื่อนไขการ​ใช้​ไลเซ่นที่​เข้มงวด​ ​ทำ​ให้​ลูกค้าองค์กร​ต้อง​ตัดสินใจอัพเกรดไปสู่การ​ใช้​งานเวอร์ชั่น​ใหม่​ ​หรือ​จะ​หาทางเลือก​ใช้​งานระบบ​ใหม่​อย่างลินิกซ์​ ​เรดแฮท

"การเติบโตธุรกิจของบริษัท​ใน​ไทย​เป็น​ไปอย่างต่อ​เนื่อง​ ​แต่​เมื่อมี​เหตุการณ์​เปลี่ยนแปลงทางการเมืองปลายปีที่ผ่านมา​ ​ก็ทำ​ให้​โครงการชะลอตัวลง​ ​แต่ก็​ยัง​ตั้งงบ​ใน​โครงการ​ใหม่​ที่มีมูลค่า​ไม่​มากนัก" ​เขา​ ​กล่าว

นางสาวดาราวรรณ​ ​ดลรัตน์​ ​ผู้​จัดการผลิตภัณฑ์​ ​บริษัทดับเบิลยูทีซี​ ​จำ​กัด​ ​ตัวแทนจำ​หน่ายเรดแฮท​ใน​ไทยกว่า​ 2 ​ปี​ ​กล่าวว่า​ ​บริษัท​จะ​เร่งสร้างตัวแทนค้าปลีกที่มุ่งทำ​ตลาดจริงจัง​ ​หรือ​แอคทีฟ​ ​รี​เซลเลอร์​ ​โดย​ปัจจุบันมี​เพียง​ 10 ​ราย​จาก​ทั้ง​หมด​ 50 ​ราย​ ​ขณะที่ลูกค้าหลัก​จะ​อยู่​ใน​กลุ่มสื่อสาร​ ​การเงินธนาคาร​และ​ตลาดหลักทรัพย์

นายโอเวนบี​ ​กล่าวเสริมว่า​ ​บริษัทแอดวานซ์​ ​อินโฟร์​ ​เซอร์วิส​ ​จำ​กัด​ (มหาชน) ​หรือ​เอไอเอส​ ​ตัดสินใจ​ใช้​บริการซอฟต์​แวร์​เอ็นเตอร์​ไพร้ซ​ ​ลินิกซ์​ ​ของเรดแฮท​ใน​เครื่องแม่ข่ายที่รองระบบบริการพรี​เพด​ 200 ​เครื่อง​ ​มูลค่า​โครงการ​ทั้ง​หมดรวม​ 32.5 ​ล้านดอลลาร์สหรัฐ

กรุงเทพไอที

“​ป๋า​เหนาะ​” ​อโหสิกรรม​ “​แม้ว​” ​หนุน​ “​สุรยุทธ์​” ​นั่งนายกฯ​ ​ต่อ

1 ​เมษายน​ 2550 12:00 ​น.

เสนาะ​ ​เทียนทอง​ ​หัวหน้าพรรคประชาราช
“​หัวหน้าพรรคประชาราช​” ​อวยพรวันเกิด​ ​อยาก​ได้​คนดีมาปกครองประ​เทศ​ ​ยัง​ให้​กำ​ลังใจ​ “​สุรยุทธ์​” ​นั่งเก้าอี้นายกฯ​ ​บริหารบ้านเมืองต่อไป​ ​พร้อมอโหสิกรรม​ “​แม้ว​” ​ชี้ชัดกลุ่ม​ผู้​ชุมนุมมุ่งหวังผลประ​โยชน์ทางการเมือง​ ​เชื่อรัฐบาล​-​คมช​.​รู้ดี​ใคร​อยู่​เบื้องหลัง

วันนี้​ (1 ​เม​.​ย​.) ​ที่สนามกอล์ฟอัลไพน์​ ​นายเสนาะ​ ​เทียนทอง​ ​หัวหน้าพรรคประชาราช​ ​ได้​เปิดบ้านพัก​ให้​นักการเมือง​และ​ประชาชน​เข้า​อวยพรวันเกิดครบรอบ​ 73 ​ปี​ ​โดย​นายเสนาะ​ ​กล่าวว่า​ ​สิ่งที่อยาก​ได้​ใน​วันเกิดวันนี้​ ​คืออยาก​ได้​คนดีมาปกครองบริหารประ​เทศ​ ​แต่​ทั้ง​นี้​ไม่​ใช่​ตนเอง​ ​ส่วน​ทิศทางของพรรคประชาราช​นั้น​คง​ต้อง​ขึ้น​อยู่​กับ​การตัดสินใจของประชาชน

โดย​นายเสนาะ​ได้​มอง​ใน​การทำ​งานของ​ ​พล​.​อ​.​สุรยุทธ์​ ​จุลานนท์​ ​นายกรัฐมนตรี​ ​ว่าอยาก​ให้​กำ​ลังใจแก่นายกรัฐมนตรี​ ​และ​ยัง​ไม่​ควรปรับเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี​ ​แต่สิ่งที่ยอมรับ​ไม่​ได้​คือการทำ​งานของข้าราชการบางกระทรวงที่​ไม่​เคยทำ​หน้าที่บริหารประ​เทศมาก่อน

นอก​จาก​นี้​ ​นายเสนาะ​ยัง​ได้​ฝาก​ถึง​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​อดีตนายกรัฐมนตรี​ ​ใน​ฐานะที่​เคยทำ​งานร่วม​กัน​มาก่อนว่า​ ​หากใครก็ตามที่ตนเคยทำ​ให้​ขุ่นข้องหมองใจก็อยาก​จะ​อโหสิ​ให้​ ​เพราะ​ทุกอย่างที่ทำ​ไป​เป็น​เจตนาดี​ ​และ​ใน​วันเกิดปีนี้นายเสนาะ​ได้​มอบพระวัดปากน้ำ​ภาษี​เจริญ​ ​เป็น​ของขวัญแก่ประชาชนที่​เข้า​อวยพรวันเกิด

อย่างไรก็ตาม​ ​นายเสนาะ​ยัง​ได้​กล่าว​ถึง​สถานการณ์การชุมนุมประท้วงรัฐบาล​ ​และ​คณะมนตรี​ความ​มั่นคงแห่งชาติ​ (คมช​.) ​ว่า​ ​การรวมกลุ่มทางการเมืองที่​เกิดขึ้นมี​ผู้​อยู่​เบื้องหลัง​ ​เป็น​ม็อบจัดตั้งที่มุ่งหวังประ​โยชน์ทางการเมือง​ ​และ​ทำ​ให้​เกิด​ความ​แตกแยก

“​ขณะที่ฝ่ายหนึ่งพยายามทำ​ให้​เกิด​ความ​สามัคคี​ ​แต่ก็มีอีกฝ่ายหนึ่งทำ​ให้​เกิด​ความ​แตกแยกขยายวงกว้าง​ ​ซึ่ง​ภาวะปัจจุบันผมมองว่าทุกคนควรสามัคคี​กัน​ ​พยายามอย่า​ให้​เกิด​ความ​แตกแยก​ใน​บ้านเมือง​” ​นายเสนาะ​ ​กล่าว

เมื่อถามว่า​ ​การชุมนุมที่​เกิดขึ้น​จะ​เกิดปัญหาการเผชิญหน้า​กัน​ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ​กับ​ผู้​ชุมนุม​หรือ​ไม่​ ​นายเสนาะ​ ​กล่าวว่า​ ​ต้อง​ดูว่าการชุมนุมประท้วงมี​เหตุผลอย่างไร​ ​แต่ม็อบที่​เกิดขึ้น​เป็น​ม็อบที่​ไม่​มี​เหตุผล​ ​เป็น​การรวมตัวเพื่อประ​โยชน์ของใครคน​ใด​คนหนึ่งมา​โดย​อามิสสินจ้าง​ ​ตน​ไม่​ขอพูดเรื่องท่อน้ำ​เลี้ยง​หรือ​เงินสนับสนุน​จาก​ใคร​ ​เพราะ​เรื่องนี้รัฐบาล​และ​ ​คมช​.​ทราบดีว่า​ใคร​อยู่​เบื้องหลัง​ ​จึง​อยากเรียกร้องทุกคนสามัคคี​กัน​ไว้​เพื่อ​ให้​ได้​รัฐบาลที่​สามารถ​สรรหาคนดีมาปกครอง​ ​หลัง​จาก​นั้น​หากมีปัญหาอะ​ไรค่อยมาจับเข่าคุย​กัน​ ​ตนมองว่ารัฐบาลที่มา​จาก​ประชาชน​จะ​ทำ​อะ​ไร​ได้​ดีกว่า​และ​สง่างามกว่า

ผู้​จัดการออนไลน์

แผนชั่วชนฟ้าล่าชื่อปลด​ “​ป๋า​” ​ถล่ม​ “​ปธ​.​คมช​.” ​พิลึก​ไม่​แตะ​ “​สุรยุทธ์​”

31 ​มีนาคม​ 2550 13:00 ​น.

เผยพฤติกรรมสุดชั่วอำ​นาจเก่า​เปิด​ “​ยุทธการชนฟ้า​” ​เต็มพิกัด​ ​ส่งลิ่วล้อป่วน​กัน​เต็มที่​ทั้ง​ผ่านเว็บไซต์​-​ใบปลิว​ ​จาบจ้วงประธานองคมนตรีกระทบชิ่งสถาบัน​ ​ล่าสุดเหิมเกริมหนักข้อล่าชื่อ​ให้​ครบแสนชื่อถวายฎีกาถอดออก​จาก​ตำ​แหน่ง​ ​ดี​เดย์วันที่​ 5 ​เมษายนนี้​ ​ตรวจพบ​ “​จตุพร​ ​พรหมพันธุ์​” ​ร่วมลงชื่อ​ ​ขณะ​เดียว​กัน​ ​ถล่ม​ ​ปธ​.​คมช​.​ยับ​ ​แต่พิลึก​ไม่​แตะ​ “​สุรยุทธ์​”

ใน​ที่สุด​ “​ขบวนการชนฟ้า​” ​ก็​ได้​เปิดเผยโฉมหน้าออกมา​ให้​เห็น​ได้​ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ​ ​ล่าสุดกลุ่มอำ​นาจเก่า​ได้​ใช้​วิธีการสื่อสารยุค​ใหม่​มุ่งร้ายโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างรุนแรง

โดย​เฉพาะ​จาก​การตรวจสอบ​ใน​ www.tmctoday.com ​ได้​เปิดลิงก์หน้า​ไปที่​tmctoday.com/vote/vote5450.php ​เพื่อ​ให้​มีการล่ารายชื่อถอดถอน​ ​พล​.​อ​.​เปรม​ ​ติณสูลานนท์​ ​ประธานองคมนตรี​และ​รัฐบุรุษ​ ​โดย​ให้​มีการลงชื่อประชาชน​ให้​ครบ​ 1 ​แสนชื่อ​ ​เพื่อถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระ​เจ้า​อยู่​หัว​ให้​ ​ปลด​ ​พล​.​อ​.​เปรม​ให้​พ้น​จาก​ตำ​แหน่งองคมนตรี

ทั้ง​นี้ตามกำ​หนดการของคนกลุ่มนี้​จะ​เสนอรายชื่อที่รวบรวม​ได้​ดังกล่าวยื่นต่อสำ​นักราชเลขาธิการ​ ​พระบรมมหาราชวัง​ ​ใน​วันที่​ 5 ​เมษายน​ 2550

อย่างไรก็ดี​ ​ที่น่าสนใจก็คือ​ ​จน​ถึง​วันนี้​ (31 ​มี​.​ค​.​เวลาประมาณ​ 11.30 ​น​.) ​มี​ผู้​ร่วมลงชื่อถวายฎีกาจำ​นวน​ 2,468 ​คน​ ​และ​ที่น่าสนใจไปกว่า​นั้น​ก็คือ​ ​ปรากฏว่ามี​ ​นายจตุพร​ ​พรหมพันธุ์​ (จตุพร​ ​พรหมพันธุ์​ ​อดีตรองโฆษกพรรคไทยรักไทย​ ​ซึ่ง​ปัจจุบันเคลื่อนไหว​ใน​นามกลุ่มพีทีวีร่วม​กับ​ ​นายวีระ​ ​มุกสิกพงศ์​ ​อดีต​ผู้​บริหารพรรคไทยรักไทย) ​ลงชื่อ​เป็น​ลำ​ดับที่​ 2,467 ​โดย​ลงชื่อเมื่อวันที่​ 31 ​มีนาคม​ 2550 ​ที่ผ่านมา

แต่ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ​ 12.15 ​น​.​ได้​มีการลบรายชื่อของนายจตุพรออกไป​ ​ทำ​ให้​ไม่​มีรายชื่อลำ​ดับที่​ 2,467 ​ซึ่ง​เคย​อยู่​หลัง​ ​นายอายุทธ​ ​ดิษฐ์​โชติ​ (เขียน​เป็น​ภาษาอังกฤษ) ​มี​แค่ชื่อลำ​ดับที่​ 2,466 ​และ​ 2,468 ​เท่า​นั้น

โดย​เมื่อราวกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา​ ​นายจตุพร​ ​พร้อม​ด้วย​ ​นายจักรภพ​ ​เพ็ญแข​ ​และ​อีกหลายคน​ได้​เดินทางไปพบ​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​อดีตนายกรัฐมนตรี​ ​ที่กรุงปักกิ่ง​ ​ประ​เทศจีน​ ​ซึ่ง​มีภาพปรากฏทางสื่อ​ ​และ​บุคคล​ใน​ภาพก็ออกมายอมรับ​ ​แต่อ้างว่า​ไปยื่นใบลาออก​จาก​พรรคไทยรักไทย​เท่า​นั้น​ ​ไม่​ได้​ไปรับเงินมา​เคลื่อนไหวแต่อย่าง​ใด

สำ​หรับ​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​นั้น​ก่อนหน้านี้​ใน​ช่วงกลางปีที่ผ่านมา​ได้​กล่าวจาบจ้วง​ ​โดย​กล่าวคำ​พูดเรื่อง​ “​ผู้​มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ​” ​ซึ่ง​หลายฝ่าย​เข้า​ใจว่า​เป็น​การพาดพิงเบื้องสูง​ ​อย่างไรก็ตาม​ ​นายบรรหาร​ ​ศิลปอาชา​ ​หัวหน้าพรรคชาติ​ไทย​ ​ก็บอกว่า​จาก​การพูดคุย​กับ​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ได้​รับการยืนยันว่าหมาย​ถึง​ ​พล​.​อ​.​เปรม​ ​ไม่​ได้​หมาย​ถึง​พระ​เจ้า​อยู่​หัว

ส่วน​ ​นายจตุพร​ ​นั้น​มีท่าทีชัดเจนมาตลอด​ใน​เรื่องการกล่าวโจมตี​ ​พล​.​อ​.​เปรม​ ​โดย​ย้ำ​ว่า​ ​ประธานองคมนตรี​สามารถ​วิจารณ์​ได้​ ​ขณะ​เดียว​กัน​ ​นอก​จาก​นายจตุพร​แล้ว​ยัง​มี​ ​นายวีระ​ ​มุกสิกพงศ์​ ​ด้วย​ที่มีท่าทีจาบจ้วง​ ​พล​.​อ​.​เปรม​ ​ซึ่ง​ทำ​ให้​คนสงขลา​แสดง​ความ​ไม่​พอใจอย่างรุนแรง​และ​รวมตัว​กัน​ประท้วง​กัน​เป็น​จำ​นวนมาก

ที่น่าสังเกตก็คือ​ ​ใน​เว็บไซต์​ “​ที​เอ็มซี​ ​ทู​เดย์​” ​ดังกล่าว​ ​ยัง​ได้​เผยแพร่กิจกรรม​และ​กำ​หนดการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ​ ​ที่ต่อต้านคณะมนตรี​ความ​มั่นคงแห่งชาติ​ (คมช​.) ​เช่น​ ​กลุ่มคนวันเสาร์​ไม่​เอา​เผด็จการ​ ​กลุ่มพิราบขาว​ ​เป็น​ต้น​ ​ซึ่ง​กลุ่มเหล่านี้ต่างเคลื่อนไหว​ใน​แนวทางเดียว​กับ​กลุ่มม็อบพีทีวี​ ​และ​สมาพันธ์ประชาธิปไตยที่นำ​โดย​ ​นพ​.​เหวง​ ​โตจิราการ​ ​และ​ ​นพ​.​สันต์​ ​หัตถีรัตน์​ ​และ​นางประทีป​ ​อึ้งทรงธรรม

ขณะ​เดียว​กัน​ ​เว็บไซต์​แห่งนี้​ยัง​ได้​กล่าวโจมตี​ ​พล​.​อ​.​สนธิ​ ​บุญยรัตกลิน​ ​ประธาน​ ​คมช​. ​รวม​ทั้ง​โจมตีบุคคลที่​เคยเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณ​ ​เช่น​ ​นพ​.​ประ​เวศ​ ​วะสี​ ​ราษฎรอาวุ​โส​ ​นายธีรยุทธ​ ​บุญมี​ ​อาจารย์ประจำ​คณะสังคมวิทยา​และ​มานุษยวิทยา​ ​มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์​ ​คุณหญิงจารุวรรณ​ ​เมณฑกา​ ​ผู้​ว่าฯ​ ​สตง​. ​และ​กรรมการตรวจสอบการกระทำ​อันก่อ​ให้​เกิด​ความ​เสียหายแก่รัฐ​ (คตส​.) ​นายแก้วสรร​ ​อติ​โพธิ​ ​นายสัก​ ​กอแสงเรือง​ ​นายกล้านรงค์​ ​จันทิก​ ​กรรมการ​ ​คตส​. ​นายสนธิ​ ​ลิ้มทองกุล​ ​นายเจิมศักดิ์​ ​ปิ่นทอง​ ​นายอภิสิทธิ์​ ​เวชชาชีวะ​ ​หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์​ ​และ​นายบรรหาร​ ​ศิลปอาชา​ ​หัวหน้าพรรคชาติ​ไทย​ ​เป็น​ต้น

ทั้ง​นี้​ ​เป็น​ที่น่าสังเกตว่า​ ​ใน​เว็บไซต์ดังกล่าว​ไม่​มีการกล่าวโจมตี​หรือ​ตำ​หนิการทำ​งานของ​ ​พล​.​อ​.​สุรยุทธ์​ ​จุลานนท์​ ​นายกรัฐมนตรี​เลย​ ​ซึ่ง​ถือว่าผิดปกติอย่างยิ่ง

ที่ผ่านมา​ ​นายสนธิ​ ​ลิ้มทองกุล​ ​ได้​เคยตั้งข้อสังเกต​ใน​รายการยามเฝ้า​แผ่นดินหลายครั้งสงสัยว่า​ ​พล​.​อ​.​สุรยุทธ์​ ​อาจมี​ส่วน​สมรู้ร่วมคิด​หรือ​มีการรับเงื่อนไขบางอย่าง​จาก​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​โดย​ยกตัวอย่างกรณี​ช่วย​เหลือพนักงานไอทีวี​ ​การ​ไม่​แสดงท่าที​ไม่​ให้​ความ​ร่วมมือ​กับ​ ​คตส​.​ใน​การตรวจสอบการทุจริตบุคคล​ใน​รัฐบาลที่​แล้ว​ ​เป็น​ต้น

ผู้​จัดการออนไลน์

ถอดรหัส​ “​ม็อบชายแดน​ใต้​” ​ถอดบทเรียนสงครามมวลชน

โดย​ ​ผู้​จัดการออนไลน์​ 22 ​มีนาคม​ 2550 14:16 ​น.
​ศูนย์​เฝ้าระวังเชิงองค์​ความ​รู้สถานการณ์ภาค​ใต้​ ​ม​.​สงขลานครินทร์​ (IDSW) ​โดย​ ​ศรีสมภพ​ ​จิตร์ภิรมย์ศรี​ ​อาจารย์ประจำ​คณะรัฐศาสตร์​ ​มอ​.​ปัตตานี​ ​รายงานเกี่ยว​กับ​ปรากฏการณ์​ “​ม็อบ​” ​ที่ชายแดน​ใต้​เพื่อถอด​ให้​เห็นองค์ประกอบของการชุมนุมที่​เกิดขึ้นบ่อยครั้ง​ใน​พื้นที่ระยะหลัง​ ​ทั้ง​ข้อเรียกร้อง​ ​จำ​นวนคน​ ​บทบาทของ​ผู้​หญิง​และ​เด็ก​ ​และ​พื้นที่​เกิดเหตุ​ ​ฯลฯ​ ​พร้อมวิ​เคราะห์บทเรียนของทางการต่อการรับมือเหตุการณ์​ใน​ลักษณะดังกล่าว​จาก​กรณีตากใบ​ – ​ตันหยงลิมอ​ – ​กูจิงลือปะ​ ​ที่นำ​มาสู่การปรับกลยุทธ​ใน​การเจรจาต่อรอง​ ​ซึ่ง​สะท้อน​ทั้ง​ความ​สำ​เร็จของแนวทางสันติวิธี​ ​ทว่า​ใน​ทางกลับ​กัน​ก็​ยัง​คงฉายภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมที่มีฐานะ​เป็น​หลุมดำ​อยู่

อ่านต่อ