วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2550
เหตุผลที่ผมไล่เลขาผมออก
อาทิตย์ที่แล้วเป็นวันเกิดของผม
เป็นเช้าที่ผมตื่นมาแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่
จากนั้นผมก็เลยลงไปทานอาหารเช้า
โดยหวังว่าภรรยาผมจะแฮปปี้เบิร์ดเดย์กับผม
แล้วก็มีของขวัญเล็กๆสักชิ้นให้
แต่กลับกลายเป็นว่าเธอไม่แม้แต่จะอรุณสวัสดิ์ผม
ลืมไปได้เลยเรื่อง แฮปปี้เบิร์ดเดย์ อ่ะ
ผมก็คิดเอาว่า เอาน่านี่แหละการแต่งงาน
แต่ ลูกผมไง
พวกเค้าจะจำวันนี้ได้
แต่ลูกผมก็ลงมาทานข้าวข้างล่างแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรซักคำเลย
จากนั้นผมก็ไปออฟฟิศ ไปทำงาน ด้วยความรู้สึกต่ำต้อย และ ค่อนข้างแย่
พอผมไปถึงออฟฟิศ
เจน เลขาผมก็เข้ามาทักว่า "สวัสดีค่ะเจ้านาย" แล้วก็
"สุขสันต์วันเกิดนะคะ"
ผมก็รู้สึกดีที่ว่าอย่างน้อยก็มีซักคนที่จำวันเกิดผมได้น่า
จากนั้นผมก็ทำงานไปเรื่อยๆจนถึงบ่ายโมง
แล้วเจน ก็มาเคาะประตูห้องผมแล้วถามว่า
"วันนี้ช่างเป็นวันที่อากาศดีจริงๆเลย แล้ววันนี้ก็เป็นวันเกิดเจ้านายด้วย
ทำไมเราไม่ไปกินข้าวเที่ยงกันสองต่อสอง แค่ฉันกับคุณ"
พอได้ยินอย่างนั้น ผมก็ตอบไปว่า "แน่นอนสิ นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้ยินตั้งแต่เช้าเลยนะ"
จากนั้นเราก็ไปทานข้าวเที่ยงกัน
แต่เราไม่ได้ไปที่เราไปกินกันตามปกติ
เจนเลือกร้านที่ค่อนข้างเงียบๆ (เป็นส่วนตัว)หน่อย
แล้วเราก็เลือกโต๊ะเฉพาะไว้
เราก็สั่งมาร์ตินี่มาดื่มกันคนละสองแก้ว
จากนั้นระหว่างทางกลับไปออฟฟิศ
เจนบอกกับผมว่า "วันนี้ช่างเป็นวันที่อากาศดีจริงๆเลย
เราคงไม่ต้องรีบกลับกันไปที่ออฟฟิศจริงๆใช่มั้ยเนี่ย"
ผมก็ตอบไปว่า "อืม คงไม่จำเป็นมั้ง ว่าแต่ เจน คุณคิดว่าไงล่ะ"
เจนเลยตอบว่า "งั้นแวะไปอาพาร์ทเม้นชั้นก่อนมั้ยล่ะ อยู่แค่ตรงหัวมุมด้านหน้านี่เอง"
พอเราไปถึงอาพาร์ทเม้นของเจน
เจนก็บอกกับผมว่า "บอสค่ะคุณคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยถ้าฉันจะเข้าไปในห้องนอนซักพักนึงก่อน แล้วจะกลับมาหาบอสนะคะ"
ผมก็ตอบ "โอเค" ไปแบบตะกุกตะกัก ไม่มั่นใจ
เจนก็เข้าไปในห้องของหล่อนแป๊ปนึง
จากนั้นเธอก็ออกมา พร้อมกับเค๊กวันเกิดก้อนใหญ่
พร้อมกับ ภรรยาผม ลูกๆผม เพื่อนๆของผมเป็นขโยง เพื่อนร่วมงาน แล้วทุกคนก็ร้องเพลง สุขสันต์วันเกิดให้ผม..
แล้วผมก็นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น
บนโซฟาของเจน......
......แบบเปลือยกายอยู่.......
วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
เทคนิคการดื่ม Black 5 Label ชั้นเทพ (ถูกใจพวกคอเมาเค้าล่ะ)
รู้จักคำว่า ' เสียของ ' กันบ้างมั้ย ? คนไทยเราน่ะ ชอบทำให้เสียของอยู่เรื่อย
โดยเฉพาะนิสัย ' การดื่มแบบผสมมิกเซอร์ ' ทั้งหลาย
นั่นแหละคือการทำให้วิสกี้ชั้นดีที่บางทีไม่ควรผสมใดๆ ต้อง ' เสียของ '
วันนี้จะหยิบเอาเรื่องวิสกี้ตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ มาพูดกันซะหน่อย
เพราะว่าตระกูลนี้มีหลาย ' เลเบิ้ล ' เหลือเกิน ซึ่งมีวิธีการดื่มเฉพาะซะด้วย
เริ่มจาก ' เรด เลเบิ้ล ' (Red Label) กันก่อนเลยดีกว่า
จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล น่าจะดูถูกใจคนไทยที่สุด
เพราะน้องเล็กสุดขวดนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการดื่มตลอดค่ำคืน
พูดง่ายๆ ก็คือกินได้นานๆ สนุกสนานกันทั้งคืนนั่นแหละ
แถมวิธีการกินที่ถูกต้องนั้น ก็ต้องผสมกับ ' มิกเซอร์ ' ทั้งหลาย
อันเป็นวิธีการดื่มที่นิยมในหมู่คนไทยอยู่แล้วซะอีก
ตอนนี้ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล ก็เลยขายดีที่สุดไปโดยปริยาย
ง่ายๆ จะใส่น้ำแข็ง ผสมโคล่า ชามะนาว หรือโซดาก็ได้ทั้งนั้น
สุดแล้วแต่ว่าจะชอบรสชาติแบบไหนหลังผสมมิกเซอร์แล้วเท่านั้นเอง
แต่นักดื่มมืออาชีพมักนิยมผสมน้ำก่อนแล้วจึงผสมโซดาตามลงไป
ในอัตราส่วน2:1 หรือที่เรียกกันว่า " โซดาลอย " นั่นเอง...
ผสมเสร็จก็ เอ็นจอย ดริ๊งกิ้ง กันได้ทั้งคืน ( แต่อย่าขับรถหลังดื่มนะ )
โตขึ้นมาหน่อย กับความเคร่งขรึมแบบ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล
วิสกี้ชั้นดีจากการหมักบ่มเพื่อให้ได้รสชาติที่คลาสสิกที่สุดนานถึง 12 ปี
วิธีการดื่มที่ถูกต้องนั้นก็คลาสสิกไม่แพ้รสชาติของตัววิสกี้
ง่ายๆ เท่ๆ ดูดีด้วยสไตล์ที่เรียกกันว่า ' ออน เดอะ ร็อก ' นั่นเอง
หรือถ้าอยากย๊ากอยากจะผสมมิกเซอร์เหลือเกิน
ก็ต้องใส่น้ำแข็งเข้าไปเยอะๆ วิสกี้ ครึ่งแก้ว และโซดาอีกครึ่งแก้ว
แค่นี้แหละ ก็จะได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล
มาถึงวิสกี้ตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ที่ไม่ค่อยจะเห็นบ่อยนักบ้างดีกว่า
เริ่มจาก จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิ้ล อายุ 18 ปีกันก่อน
แค่นำ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิ้ล ไปใส่ในช่องแช่แข็งสัก 24 ชั่วโมง
ถ้าที่ในช่องแช่แข็งยังเหลือก็นำแก้วทรงสูงเปล่าๆ แช่ไว้ด้วย
พอได้เวลา ก้รินใส่แก้วที่แช่ไว้ข้างกันๆ นั่นแหละ แล้วดื่มเข้าไปเลย
ทันทีที่วิสกี้เย็นจัดปะทะกับความอุ่นในปาก กลิ่นหอมหวนนุ่มลิ้นจะอบอวล
แหม... ยิ่งถ้ามีช็อกโกแล็ตดีๆ ไว้กินเข้าคู่ล่ะก็ จะเป็นความสุขที่ลืมไม่ลงเลย เชียว
ส่วน จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กรีน เลเบิ้ล ที่มีจำหน่ายแบบจำกัดประเทศนั้น
หาน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ สักก้อน ใส่ในแก้วปากกว้างเพียงแค่ก้อนเดียว
ไม่ต้องกลัวว่าน้ำแข็งก้อนนั้นจะเหงา เพราะเราจะเฝ้ามองอย่าทะนุถนอม
จากนั้นริน จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กรีน เลเบิ้ล ลงไปไม่ต้องท่วมน้ำแข็ง
แกว่งแก้วเล็กน้อย ให้อุณหภูมิของวิสกี้ชะอุณหภูมิของน้ำแข็งก้อนโต
ดมกลิ่นวิสกี้ที่ระเหยขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนลิ้มรสวิสกี้ที่อุณหภูมิพอเหมาะพอดี
งานนี้จะได้ รสชาติ กลิ่น และแสงที่วิสกี้ตกกระทบกับก้อนน้ำแข็งชวนมอง
( อันนี้เคยเสียของมาครั้งหนึ่งแล้ว )
ปิดท้ายกันที่วิสกี้ชั้นสูง จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล อายุ 25 ปี
ที่หมักบ่มจากมอลต์คุณภาพสูง ตามวิธีการคลาสสิกแบบศตวรรษที่ 19
วิธีการดื่มวิสกี้ชั้นสูงนี้ก็คลาสสิกมาก เตรียมแก้วบรั่นดีสวยๆ ไว้สัก 2 ใบ
แก้วนึงรินวิสกี้รอไว้ ส่วนอีกแก้วนึงรินน้ำแร่เย็นๆ ไว้เช่นกัน
ดื่มน้ำแร่เย็นๆ เพื่อปรับอุณหภูมิในช่องปากกันก่อน
จากนั้นจิบ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ในแก้วบรั่นดีอีกใบตาม
เมื่อน้ำแร่เย็นๆ ที่หลงเหลืออยู่ในช่องปากผสมกับวิสกี้ชั้นดีนี้
รสชาติที่แอบซ่อนจะซึมผ่านเพดานปากไปมัดใจนักดื่มเหล้าทั้งหลายไม่รู้ลืม
เสร็จสิ้นครบทั้ง 5 เลเบิ้ลของตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กันแล้ว
ต่อจากนี้นักดื่มเหล้าชาวไทยทั้งหลาย ก็จะดื่มได้แบบไม่เสียของกันแล้ว
แต่ที่สำคัญที่สุด ดื่มแล้วจะมึนน้อยหรือมึนมาก ก็อย่าขับรถเลย
เก็บชีวิตที่มีค่าไว้สัมผัสกับสิ่งดีๆ ที่รอเราอยู่มากมายในวันข้างหน้าดีกว่า ...
ปล. จะดื่มยังไงก็เมาครับพี่น้อง แต่ทำอย่างไรดื่มแล้วจึงจะรู้ถึงรสชาติที่แท้จริง
เพื่อน!! สำคัญเสมอ
ระหว่างเพื่อนกะ แฟน...
++ อาหาร ++
เพื่อน: ข้าว ราดแกง / ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่เกิน 30แดกไรแพงๆวะ เปลืองชิบ
แฟน: กินอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่ ข้าว - สปาเกตตี้
เฟรนฟรายซ์ ซูชิ ฯลฯ สั่ง กันไป… มื้อละร้อยขึ้น
-------------------------- --------------- -----------
++ ข้ามถนน ++
แฟน: ข้ามได้ มั้ย ระวังนะครับ! จับมือผมไว้
เพื่อน: ………อ้าว! เหี้ย… รอกูด้วย(แม่งข้าม ไปนานละ)
-------------------------- ------------------------- -
++ เวลาเดิน ++
แฟน: แนบชิดประหนึ่ง ตัวดูดแบบสุญญากาศ
เพื่อน: เฮ้ย! ไปไกลๆกูหน่อยดิ ร้อนจะตาย ห่า!!
-------------------------- ------------------------- -
++ บนรถเมล์ ++
แฟน: นั่งก่อนเลย ครับ เดี๋ยวผมยืนเอง
เพื่อน: เหยิบหน่อยดิวะ กูจะนั่งด้วย!
--- ----------------------- --------------------------
++ เงิน ++
แฟน: มีเสมอ..จ่ายไม่อั้น
เพื่อน: ไม่มีเสมอ... มึงออกไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูให้(แร้วแม่งก็ชิ่ง)
------------- ------------- --------------------------
++ มา สาย ++
แฟน: ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้
เพื่อน: ทำห่าไรอยู่ วะ มาโคตรช้าเลย สาด ...เลี้ยงข้าวกูเลย(เพิ่งจะมาก่อนแม่ง ได้ 5 นาทีเหมือน กัน)
-------------------------- ------------------------- -
++ ช่วยทำธุระ ++
แฟน: ว่าง เสมอ - อ๋อ ว่างครับ จะให้ไปถึงที่นั่นกี่โมงดี จะได้เตรียมตัวล่วงหน้า
เพื่อน: ไม่เคยว่าง - ขนของย้ายห้องเหรอวะ .. เออ...ที่จริงก็ได้นะ แต่พอดีแม่ กูให้ช่วยพาไปหาญาติๆฝ่ายแม่ว่ะ
แล้วบ่ายๆ ต้องไปหาของฝ่ายพ่ออีก คงไม่ว่างแล้วละ
------------------------- - --------------------------
++ กลับบ้านดึก ++
แฟน: เดี๋ยวผมนั่งรถไปส่งดีกว่านะ กลับคนเดียว อันตราย
เพื่อน: กลับยังไงวะมึง มีค่ารถป่าว แต่กูไม่มีให้ยืมนะ เว้ย
-------------------------- ------------------------- -
++ ป่วย ++
แฟน: เป็นไรมากมั้ย? กิน ยายังคับ ห่มผ้าด้วยนะ(แม่งดูแลแม่อย่างนี้ป่าววะ)
เพื่อน: เป็นห่าไรอีกวะ สำออยอะดิมึง… ออกมาให้ไวเลย แดกเหล้ากัน
-------------------------- -
++ สอนหนังสือ ++
แฟน: ไม่เข้าใจตรงไหนบอกนะ ครับ จะอธิบายให้ใหม่
เพื่อน: กูสอนมึง 3 รอบแล้วนะ ห่านี่ แดกหมาแทนข้าวไง วะ
-------------------------- ------------------------- -
++ วาเลนไทน์ ++
แฟน: ให้คุณได้ ทุกอย่าง ยกเว้น ดาว เดือน และ ขนหน้าอก
เพื่อน: ……………(วันนี้มันไม่มีตัว ตน)
-------------------------- ------------------------- -
++ โดนทิ้ง ++
แฟน: เราไปกันไม่ได้ / อย่า มายุ่งกับเรา / ไปไหนก็ไปรำคาญ (so sad)
เพื่อน: ไม่เป็นไรเว้ย! ช่างแม่ง … มึงยังมีกูอยู่
ถ้าเห็นด้วยกรุณาส่งต่อ (ถ้า ไม่ส่งถือจะว่าไม่เห็นด้วย)
ดีเนอะที่โลกนี้มีคำว่า 'เพื่อน' ^v^
วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2550
กฏแห่งกรรม
1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมายเพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์
2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน
3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน
4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้าน เรือนใหญ่โต เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน
5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน
6. เหตุใดชาตินี้คุณเปนคนสวย และรูปงาม เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน
7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน
8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆคนและมีเพื่อนมากมาย เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน 9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า เพราะคุณเคารพและช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้ญาติในชาติก่อน
10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลาและพรากสัตว์ในชาติก่อน
11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง เพราะคุณเคยปล่อยนกปล่อยปลาสิ่งมีชีวิตในชาติก่อน
12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมายในชาติก่อน 13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้ เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน14. เหตุใดชาตินี้คุณมีดวงตาสดใส เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ 15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปัญญาอ่อนและหูหนวก เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่
16. เหตุใดชาตินี้ต้องเกิดเป็นม้าวัวควายเพราะชาติก่อนเป็นหนี้ไม่จ่ายคืน 17. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษเพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ 18. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย เพราะชาติก่อน คุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์ 19. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณและจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด 20. เหตุใดชาตินี้คุณไม่มีความรักที่แท้จริง เพราะชาติที่แล้วคุณเจ้าชู้และไม่จริงซื่อสัตย์กับคนรัก21. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า
**อ่านเสร็จแล้วถ้าส่งต่อ ก็เหมือนได้ปฏิบัติตามกฏแห่งกรรมในข้อ 21.
ทำซะข้อยังดีกว่าไม่ทำเลย!!!
ต้องอ่าน อ่านแร้ว
ต้องส่งต่อด้วย**
วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2550
คลื่น FM 99.5 รายการดีๆ ที่อยากให้ฟัง
ผมอยากให้คนฟังเพลงลองฟังคลื่นนี้ดู บางคนเค้าว่าต้อง 30+ แต่ผมว่าไม่นะเพราะของดีๆ เราก็อยากให้ฟังกันทุกคน
มีคนเขียนถึง DJ อย่า่งละเอียดไปดูได้ที่นี่ก่อนตัดสินใจฟัง ฟังแล้วก็จะหลงรัก!!
Website ข่าวสารของคลื่นก็ืั้ http://www.radiostar.co.th/
สวัสดีึครับ พี่อ้อ....
วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2550
อุทาหรณ์ นักศึกษาสาว ถูก เพื่อนชาย ล้วง ใน โรงหนัง
อุทาหรณ์ นักศึกษาสาว ถูก เพื่อนชาย ล้วง ใน โรงหนัง (ภัยรายวันเตือนภัย นักศึกษา)
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จากปากของน้อง ใบเตย นักศึกษาชื่อดังย่านรามคำแรง ที่เปิดใจ คุยกับทีมงาน เพื่อเป็นอุทาหรณ์ของสาวๆ ที่จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่ออันโอชะ ของผู้ชายที่เห็นแก่ตัว ที่จ้องแต่จะเอาเปรียบผู้หญิง
น้องเตย ตอนนี้อายุ 19 ...หญิงสาว ผิวขาว หน้าตาน่ารัก ตามวัยใส...น้องเตยเล่าให้ฟังว่า เพราะว่า เตย เป็นผู้หญิงที่ดูน่ารัก เตย สูง 167 หนัก 50 ดูเพรียวบางผิวขาวหน้าตาน่ารัก จึงเป็นธรรมดา ที่เตยจะมีหนุ่มๆมาจีบกันตรึม แต่ด้วยที่ยังไม่ถูกใจใครเลย เตยจึงยังไม่มีแฟน น้องเตยเล่าให้ฟังว่า วันนั้น เป็นวันศุกร์ หลังจากเลิกเรียนแล้ว มีเพื่อนชายที่สนิทกัน มาชวนไปดูหนัง ด้วยความที่ไว้ใจเพื่อน ประกอบกับหนังเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เตยอยากดูอยู่พอดี เตยจึงไม่ลังเลที่จะตอบตกลงเพื่อนชายที่คิดว่า เพื่อนกันคงไว้ใจกันได้
น้องเตยเล่าให้เราฟังต่อไปว่า....หลังจากที่เพื่อนของเตย ไปซื้อบัตร แล้วเราเข้าไปนั่งในโรงหนัง วันนั้นโรงหนังดูเงียบๆ โรงเหลง จัง
เพราะอาจจะเป็นวันที่หนังเรื่องนี้ใกล้ออกแล้วกระมัง...แต่เตยก็ ยังนึกเอ๊ะใจ อยู่ว่าทำไม เพื่อนคนนี้จะเลือกที่นั่ง ในแถวที่ไม่มีใครนั่งเลย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คงเพราะวันนี้คนน้อยกระมัง จะทำให้แถวของที่นั่งไม่มีคนมานั่งเลย...แต่เตยหารู้ไม่ว่า ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เตยจะถูกเพื่อนชาย...ล้วง
วันนั้นอากาศในโรงหนังเย็นมากเลย..ประกอบกับไว้ใจเพื่อนคนนี้ด้วย...บรรยากาศในโรงหนังวันนั้น มันเย็นมาก แล้วก็ มืดพอสมควร แล้ววันนั้น เตยก็นุ่งกระโปรงสั้น ใส่ชุดนักศึกษา รัดรูปพอสมควร เผยให้เห็นสิ่งที่ยั่วยวนอย่างเด่นชัด ประกอบกับขาขาวๆของเตย ซึ่งเตยก็รู้ดีว่าผู้ชายส่วนมากจะชอบมองขาของเตย แต่เตยก็ระวังตัวอยู่ตลอด
ระหว่างที่นั่งดูนั่งกัน....อากาศก็เย็น แล้วก็มืดด้วย เพื่อนชายของเตยก็เอามือมาจับมือเตย แล้วถามว่า เย็นไหม เตยก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่ก็ ใจหวิวๆ บ้าง เพราะไม่เคยถูกผู้ชาย ใกล้ชิดขนาดนี้มาก่อน..เหมือนเค้าจะรู้ว่าเตยกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่เค้ากำลังทำ เค้าเริ่มรุกเร้าและจู่โจมมาลำดับ...เค้าเขยิบเอียงตัวมาใกล้เตย ตอนนั้นเตยรู้สึกได้เลยว่า ใจมันสั่นๆ แล้วก็ หวิวๆ ยังไงก็บอกไม่ถูก
ตอนนั้นเตยรู้สึกหมดเรี่ยวแรง เค้าเริ่มเอามือเข้ามาใกล้ๆ...ตรงนั้น แล้วล้วงเข้าไป....อู้ยๆ ทำอะไรค๊ะ เตยร้องถาม เค้าบอกว่า เหอะน๊านิดเดียวเอง เพื่อนกัน ล้วงแค่นี้เอง....เตยก็ ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงไปไหนหมด ปล่อยให้เค้าล้วงอย่างเมามัน....เตย มองตามมือลงไป เค้าเอามือล้วงหายเข้าไป อย่างเมามัน สายตาที่วิงวอนของเค้า มันทำให้เตย ได้แต่ร้องซี้ดอยู่ในใจว่า...อู้ย พอเหอะ ล้วงของเค้า พอยัง คะ
น๊า นิดเดียวเอง กำลังล้วงเพลินเลยๆนะ....ช่วงที่เค้าล้วงของเตยนั้น อีกมือเค้าก็เอื้อมมาบีบ..นม ของเตย เตยตกใจมากเลย ไม่คิดว่าเค้าจะกล้าขนาดนี้ แต่เตยก็ไม่ได้ว่าอะไรเค้า เพราะตอนนั้น ก็ รู้สึกอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน เหมือนกับว่า เค้าอยากทำอะไรก็ปล่อยให้เค้าทำไป....เพื่อนชายคนนั้น เค้าก็เอามือ มาบีบนม แล้วก็ คลำมันเล่นเบาๆ เตยก้มลงมามอง นม แล้วก็อมยิ้มในใจ หวงก็หวง..ไม่อยากให้เค้าทำ แต่ ตอนนั้นมันหมดแรงเลยนะ..เพื่อนก็ ไม่ยอมพอเสียที ทั้งล้วง ทั้ง บีบนม อย่างเมามัน ห้ามก็ไม่ฟัง....พอจะบอกให้พอ ก็ ทำหน้าอ้อนเตยก็เลยต้องปล่อยให้ เพื่อนมัน ทั้ง ล้วง ทั้ง บีบนม เล่น อย่างเมามัน
ช่วงที่เพื่อนล้วงแล้วเอามือออกมานะ...เตย รู้เลยว่า นิ้วเค้ามีน้ำแฉะๆด้วย....เพราะเตยเอามือไปโดนนิ้วเค้าตอนที่เค้าเอื้อมมาจับนมเตย....ตัวเอง พอเหอะ นะ..ล้วงของเค้าพอเหรอยังค๊ะ..นี่ น่าตีจัง ทั้ง มือก็ล้วง อีกข้างก็ จับนมของเค้านะ...พอเหอะนะ....เตยหวงของเตยนะ ตัวเองนะ ล้วงของเค้าพอยังนะ.....นี่ นิ้วตัวเอง อะ แฉะไปหมดแล้วนะ สงสารเค้าบ้างนะ...
นี่..อีตา บ้า...ล้วงพอหรือยัง..ล้วงเข้านะ ข้าวโพด ในถุงที่ฉันซื้อมานะ ล้วงไปกินจนจะหมดแล้วนะ...แล้ว นมกล่องที่ฉันซื้อมาก็บีบ เล่นอยู่ได้ มือว่างมากหรือไง แล้วนิ้วอะ มาจับแก้วแป็บซี่ จนนิ้ว แฉะไปหมดแล้วนะ เธอ..โอ้ย มาดูหนังกับเธอ โดนล้วง โดน จับ นม นิ้วแฉะ หมดเลย 555
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2550
จริงเปล่าล่ะ??
no one sees your tears.. ไม่มีใครได้เห็นน้ำตาของคุณ
Sometimes when you are in pain, บางครั้ง ที่ คุณบาดเจ็บ
no one sees your hurt... ไม่มีใครรับรู้ถึงความเจ็บปวดของคุณ
Sometimes when you are worried, บางครั้ง ที่คุณกังวล
no one sees your stress... ไม่มีใครรับรู้ถึงความเครียดของคุณ
Sometimes when you are happy, บางครั้ง เมื่อคุณมีความสุข
no one sees your smile... ไม่มีใครสังเกตุเห็น รอยยิ้มของคุณ
But... แต่ทว่า .... . . . . . . . . . . . . . . . .
FART Just One Time... ขอเพียงคุณตด สักครั้ง
Everybody Knows! ทุกคนจะรู้ทันที!!!
เพื่อน 7 แบบที่ใครก็ต้องการ..
พระเจ้าอาเธอร์นั้นมีอัศวินโต๊ะกลม ประธานาธิบดีมีสภา และเหล่าซีอีโอก็มีรองประธานคอยช่วยเหลือ แล้วคุณล่ะ ?
ใครคอยช่วยเหลือคุณผ่านมรสมุชีวิตบ้าง ดั่งสุภาษิตที่ว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียวนั้นใช้ได้จริงในชีวิตเราเมื่อเราต้องการความช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งทางด้านชีวิตส่วนตัวและการงาน ใคร ๆ ต่างก็สมควรที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงดี ๆ ทั้งนั้นเพื่อความสำเร็จของชีวิตในวันหน้า มาลองดูซิว่าเพื่อน 7 แบบที่เราควรจะต้องมีไว้เป็นดรีมทีมนั้นควรมีใครบ้าง
1. เพื่อนร่วมสถานะภาพ ไม่ว่าเพื่อนคนนี้จะเป็นคนที่มีอาชีพ สถานะภาพการสมรส หรือการดำเนินชีวิตที่คล้ายคุณ เพื่อนคนนี้คือคนที่คุณสามารถระบายสิ่งแย่ ๆ ในชีวิตคุณโดยที่เธอจะรับฟังอย่างเข้าใจและตั้งอกตั้งใจ
2. เพื่อนฉลาด ๆ เธอจะอยู่ที่นั่นคอยให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาให้คุณได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูก เรื่องการงานอาชีพ เธอจะช่วยคุณผ่านมันได้อย่างง่ายดาย เพื่อนคนนี้อาจเป็นเจ้านายคุณ หรือเพื่อนผู้มากประสบการณ์ของคุณ ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายจากเธอคนนี้
3. ตัวตลก แม้ว่าเพื่อนคนนี้อาจจะพึ่งพาไม่ได้มากนัก แต่มันก็สนุกมากใช่มั้ยล่ะเมื่ออยู่ใกล้เธอ เพราะเธอจะทำให้โลกบ้า ๆ ใบนี้ดูสนุกสนานและน่าอยู่อย่างยิ่ง คูณอาจไม่กล้าทำอะไรบ้า ๆ แบบเธอแต่คุณก็สนุกที่ได้เห็นเธอทำมัน
4. เพื่อนคนล่ะรุ่น การมีเพื่อนเด็กกว่าทำให้คุณหวนรำลึกถึงตัวเอง และระยะเวลาที่คุณได้ผ่านพ้นมา (คุณจะรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่สามารถยืนตรงจุดนี้ได้ ) แม้ว่าบางขณะคุณอาจอิจฉาในเยาว์วัยและความกระตือรือร้น แต่คุณก็ยังได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนเด็กคนนี้ของคุณเสมอ
5. เพื่อนต่างเพศที่แสนดี ผู้หญิงทุกคนต้องมีเพื่อนชายที่แสนดีสักคน ขณะเดียวกันผู้ชายก็ควรมีเพื่อนหญิงที่แสนดีบ้าง คู่หูคนนี้จะเป็นล่ามส่วนตัวสำหรับแปลภาษาต่างดาวจากเพศตรงข้ามให้คุณได้เข้าใจ อย่างไรก็ดี จำไว้อย่าทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนเสียไปด้วยการไปกุ๊กกิ๊กกับเพื่อนเข้าล่ะ การเป็นเพื่อนกับเพื่อนต่างเพศที่มีความสุขจะทำให้คุณกลายเป็นคนน่าคบไปด้วย ไม่แน่คุณอาจจะเข้าก๊วนกับกลุ่มเพื่อน และแฟนเขาเป็นปี่เป็นขลุ่ยไปด้วย
6. เพื่อนจากแวดวงอื่น คุณแต่งงานแล้ว แต่เพื่อนคุณไม่ เธออาจเป็นพนักงานดับเพลิง เป็นซีอีโอ เป็นนางชี การมีเพื่อนจากแวดวงที่แตกต่างกันจะทำให้คุณสดชื่นขึ้น และเกิดแง่มุมใหม่แก่ชีวิต
7. เพื่อนเก่า บุคคลนี้คือคนที่เป็นพยานในช่วงชีวิตคุณที่มีทั้งสุขและเศร้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรงผมแย่ ๆ เรื่องเฉิ่มในสมัยเรียน เพื่อนชนิดนี้คือเพื่อนที่หาค่าไม่ได้ และเป็นเพื่อนสนิทที่คุณต้องโทรไปรายงานด้วยเป็นระยะ ๆ เพราะว่าเธอคือส่วนหนึ่งของคุณในอดีต และเธอจะยินดีไปกับความสำเร็จของคุณในปัจจุบัน
ทีนี้ลองสำรวจตัวคุณเองดูสิว่า มีเพื่อนครบทั้ง 7 แบบหรือยัง ...
เคยไหม??
โง่ที่คิดว่า……ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
โง่ที่คิดว่า……ใครบางคนให้ความสำคัญกับตัวเรามากกว่าคนอื่น
โง่ที่คิดว่า……คนที่เรารัก เขาจะรักเราคนเดียว
โง่ที่คิดว่า……เรามีความสำคัญกับใครคนหนึ่งมากจนเขาขาดเราไม่ได้
โง่ที่คิดว่า……การโกหกจะไม่เกิดขึ้นระหว่างคู่รักที่รักกันจริงๆ
โง่ที่คิดว่า……คำหวานจากปากเขา เขาพูดเพราะเป็นห่วงเราจริง ๆ
โง่ที่คิดว่า……เวลาที่เราต้องการเขามากที่สุด เขาจะอยู่กับเราเสมอ
โง่ที่คิดว่า……คนที่เราดีใจเมื่ออยู่ใกล้เขา จะไม่ใช่คนเดียวกันกับคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุด
อยากฉลาดมะ
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……ความพยายามบางครั้ง มันก็เป็นแค่ความพยายาม
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……อย่างหวังว่าใครจะเห็นเราสำคัญ มากไปกว่าตัวเขาเอง
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……คนที่เรารัก บางทีเขาก็มีคนที่เขารัก
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……คนที่เราอยู่ใกล้แล้วมีความสุข อาจเป็นคนเดียวกันกับคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุด
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……คำหวานจากปากเขา เขาพูดเพียงเพราะเขาชอบพูดคำหวานกับใคร ๆ เสมอ ก็แค่นั้น
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……การโกหกเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่าใคร
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……คนที่เรารักอาจเป็นคนเดียวกันกับคนที่ไม่เคยรักเราเลย
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า……เวลาที่เราต้องการเขาที่สุดอาจเป็นเวลาเดียวกันกับเวลาที่เขาหมดรักเราแล้ว
วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
พูดภาษาอังกฤษเก่งได้ไม่ต้องง้อใคร
พูดภาษาอังกฤษเก่งได้ไม่ต้องง้อใคร
จากคุณ : sank - [ 27 ก.ค. 50 09:11:06]
การพูด
การพูดมันต้องเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำ ค่อยๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ดังนั้น คุณอย่าหลงเชื่อ กับสถาบันไหนที่บอกว่า เก่ง ภาษา พูดได้ ภายใน 30 ชม ไม่มีทางครับ ไม่มีแน่นอน ถ้ามีจริง ๆ ป่านนี้ คนไทยคงพูดกับฝรั่งได้ไปนาน หรือไม่ ทำไมผู้นำประเทศไม่ไปเรียน กับบุคคลเหล่านี้ สังเกตไหมครับ ว่าขนาดผู้นำต่างประเทศยังพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งเลย จึงทำให้ประเทศไทยเป็นที่ดูถูก จาก มาเลเซีย สิงคโปร์ แม้กระทั่งลาว คะแนน toefl เค้ายังเยอะกว่าเราเลย น่าเจ็บใจมั้ยครับ ที่ผมอยากจะบอกก็คือว่า มันต้อง ขยัน ขยัน ขยัน อดทน อดทน อดทน ผมเข้าใจครับ เคยผ่านมาก่อน ท้อมาก แบบ ขอใช้คำไม่สุภาพนะครับ โอ๊ย ไอ้เี้ย ฟังมาหลายเดือนแล้วไม่กระดิก เลย แต่มันจะมีตอนจุดเปลี่ยนครับ ตอนที่แบบ อยู่ดี ๆๆ ก็ดีขึ้นมาเองอ่ะครับ ผมเชื่อว่า ทุกคน ต้องเคยมีความรู้สึกนี่บ้าง ไม่ว่าคุณจะฝึกอะไรก็ตามใช่มั้ยครับ และหลักการออกเสียงที่ถูกต้องนะครับ มันจำเป็นมากในการพูดภาษาอังกฤษถ้าคุณรู้ศัพท์ แต่คุณออกเสียง ผิด ฝรั่งจะ งง และไม่รู้เรื่อง ขั้นตอนนี้คุณต้องฝึกด้วยตัวเอง ทำทุกวัน นะครับ ไม่ช้า คุณจะได้ แต่คุณต้อง อดทน นะครับ เพื่อเงิน ท่องไว้ครับ ภาษาอังกฤษใครเก่ง เงินเดือน เยอะ กว่าคนที่ไม่ได้ภาษาครับเชื่อผมสิ จุดเริ่มต้นคือ pronunciation และ การไปเรียนตามสถาบันต่าง ๆ ไม่ได้ช่วยทำให้เราพูดได้หรอกครับ อาจจะมีดีตรงที่ได้จับกลุ่มคุยกับคนไทยด้วยกัน แล้วก็ ฝรั่งมา ทักทาย แล้วก็บอก ประโยคมา แล้วให้พูดตาม แล้วไง ครับ 2 ชม พอเสร็จแล้วก็ เม้าท์ ภาษาไทย ( ผมไม่ได้บอกให้เกลียดภาษาไทยนะครับ ) ผมเคยมีเพื่อนเรียนที่สถาบันแห่งหนึ่ง ขั้นสูงสุดแล้ว ก็พูดได้แบบ เด็ก อนุบาล เพราะ เค้าเรียนแค่ในชั้น ครับ
มาเข้าเรื่องเข้าราวเลยดีกว่าครับ ผมอยากจะบอกว่า การพูดภาษาอังกฤษตามหนังนั้นดีมากๆๆ เคยเห็นดาราลูกครึ่งที่พูดไทยไม่ชัดแล้วมาเล่นละคร จนพูดชัดมั้ยครับ นั่นแหละ เพราะ นั่นคือ ชีวิตจริง ๆ แล้วประโยคที่พูดก็รู้เรื่อง ครับ ใช่ ผมกำลังจะบอกคุณว่า ถ้าคุณมาคิด ไทย เป็น อังกฤษ ให้ตาย คุณ ก็ แปลแบบ ฝรั่ง มึน เขา งง ชัวร์ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ก็อปปี้ ครับ ทั้งประโยคเลย พูดตามหนังครับ เพราะในหนังมันจะมีสถานการณ์ ว่าผู้พูดต้องการอะไรในเหตุการณ์นั้น ๆ เหมือนกับภาษาไทย ที่เวลาเราพูดเราใช้จิตใต้สำนึกพูด เราไม่ได้นึกแล้วเราพูด ถูกไหมครับ อย่างเช่นว่า
ประโยคไทย
ลงมาข้างล่างหน่อยสิ
ประโยคอังกฤษ
Can you come down?
คนไทยส่วนใหญ่จะติดเวลาแปลจากไทยคือเรามีคำว่า สิ หน่อย อะไรทำนองนี้ มันทำให้เรา งง ถูกมั้ยครับ วิธีของผมก็คือ เป็นวิธีที่ครูหลาย ๆ ท่าน เคยบอกไว้แล้ว คือดูหนัง ก่อน อนุญาตให้ดูซับไตเติ้ลไทยได้เพราะต้องการให้เข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ก่อน แล้วค่อยมาดูอีกรอบ แต่รอบนี้เราต้องดูแบบไม่ดูซับนะครับ ดูเฉย ๆ เพราะ เรารู้แล้วว่าเค้าทำอะไรกันอยู่ พูดตาม เลย เคยสังเกตตัวเองมั้ยครับทุกท่านว่า เวลาคุณพูดภาษาอังกฤษเนี่ย คนไทยเก่งอยู่ไม่กี่ประโยคหรอกครับ เช่นไรครับ
Good morning,How are you doing?
I'm fine and you
What are you doing?
What's up
No
Yes
Thankyou
Ok
How much is it ?
อะไรทำนองนี้เพราะคนไทยจำได้ประโยค แค่นี้ สำหรับคนที่ไม่ได้เก่ง grammar จ๋า เนี่ยผมว่าคุณแต่งไม่ทันหรอกครับ ถ้าถึงสถานการณ์จริง ๆ(ผมเป็นมาแล้ว ) ถึงแต่งมา มันก็จะเหมือนภาษาไทยแบบ จดหมายราชการอ่ะครับเวลาพูด มันตรงเกินไปก็ตลก มันเอาไว้เขียนนะครับ ผมว่า การเลียนแบบ และ ก๊อปมาจากหนังเนี่ย work ที่สุดแล้วครับ คือ ผมก็มีตัวหนึ่งที่ช่วยได้อ่ะครับ คือ สินค้าตัวอย่างนะครับ จากเรื่อง x-men the last stand นะครับ ย้ำนะครับพูดตามเค้าให้เหมือน หรือ คล้ายที่สุด ไม่ต้องเครียดครับ ไม่มีใครทำได้วันเดียว เพราะ ผมมีไฟล์เสียงช้า ๆ ด้วย เพื่อง่ายแก่การฟัง และไฟล์เสียง ปกติ
ประโยคไทย English
จีน ลงมาข้างล่างหน่อยลูก Jean,Can you come down,dear?
บางที จะดีมากเลย ถ้าเราได้คุยกับเธอคนเดียว Perhaps it would be best if we
were to speak to her.Alone
แล้วการป่วยของเธอละ What about her illness?
และขอให้คุณมีสมุดนะครับ ข้างซ้ายจด ภาษาไทย ข้างขวา จด ภาษาอังกฤษ แต่ขั้นตอนอันนี้ทำหลังจากดูหนังเสร็จแล้วนะครับ เพื่อให้จิตใต้สำนึกทำงานเกี่ยวกับ ปฏิกิริยาท่าทางที่คุณควรจะพูดในสถานการณ์นั้น ๆ นะครับ
คุณต้องจดด้วยหลายมือคุณครับ แล้วคุณจะจำได้ คุณทั้งท่องทั้งจด คุณจะได้ทั้งสำเนียงแล้วรูปประโยค ถ้าคุณพอจำได้แล้ว มาเป็นนักแสดงเลยครับ พูดตามเค้า ผมเชื่อว่า ในชีวิตประจำวัน คุณต้องมีความรู้สึกแบบนี้ บ้างและ ประโยคพวกนี้ ได้ใช้ แล้วรู้เรื่องด้วย ส่วนเรื่อง grammar ผมจะ อัพ ไว้ในเวบ นะครับ ดูเอาเอง ลืมบอกไปว่า แต่ละหนัง มี ประโยค เป็น 1000 ประโยคเลยครับ ซึ่งมาก ถ้าคุณดูแค่ 5 เรื่อง แล้วจำได้หมดนะครับ (วันหลัง จะเอาเรื่องกลไกสมองมาให้อ่าน แล้วคุณจะรู้ว่าคนเราอ่ะเก่งแค่ไหน ที่จำไม่หมดเพราะขี้เกียจใช่มั้ยครับ )สนใจรายละเอียดเมลล์มานะครับ sank_you27@hotmail.com
ที่มา: Webboard Pantip
วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
PDFCreator
Version: 0.9.3
Category: PDF, Printer Driver, Utility, Windows
Star: 5 / 5
Links: http://www.pdfforge.org/
When you have many documents like word, excel, image, tec. You want to convert to .pdf. Because .pdf can fixed layout of document, when we can open .pdf in any computer at the
same layout. If you having use OpenOffice you can convert to .pdf direcly. If not when you can convert any file format to .pdf by using PDFCreator from PDFForge. After install
PDFCreator you can convert any document to .pdf by using print options. PDFCreator still work with virtual printer.
You can create morthan just PDF, you can convert to PNG, JPG, TIFF, BMP, PCX, PS, EPS.
PDFCreator |
Features:
Create more than just PDFs: PNG, JPG, TIFF, BMP, PCX, PS, EPS
Create PDFs from any program that is able to print.
Encrypt PDFs and protect them from being opened, printed etc.
Send generated files via eMail.
AutoSave files to folders and filenames based on Tags like Username, Computername, Date, Time.
Merge multiple files into one PDF.
PDFCreator is free, even for commercial use! It is Open Source and released under the Terms of the GNU General Public License
Orbit Downloader
Version: 1.5.5
Category: Internet, Download Manager, Windows
Star: 4.5 / 5
Links: Orbit Downloader
Dear all,
In this day i will start with great software for download manager. I have many test for a long time to use with many download manager. I'm like Flashget so much.
Orbit Downloader |
Feature that I want to use from downloads manager are...
- Multi connection at the same file.
- Multi files at the same time.
- Can download multimedia file with mms:// protocol.
I have use Flashget at a long time, But Flashget is ad-ware. If you don't need to see some flash add.You must be pay little money. But now, I have check from Flashget website. Flasget go to freeware and not have ad-ware. You can support Flashget by Make a Donation. So if you happy andwant to use Flashget you can use it. When you want to see more alternative. I am recomend you to Orbit Downloader.
Back to Orbit Downloader. Until I ever meet Orbit Downloader. It also free of charge and you can make a donation for support developer.
First time I'm use Orbit Downloader beacause it can download with mms:// protocal and can replace
with Flashget. These are some features for Orbit Downloader.
- Multi connection at the same file.
- Multi files at the same time.
- Support HTTP, HTTPS, FTP, MMS and RTSP protocol.
- Can monitor with Firefox, Opera, Maxthon and Internet Explorer.
For this software I have give 4.5 of 5.0 points.
Test It!!
วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2550
แม้ววางเกมแมนฯ ซิตี้ชิวถ้วยผู้ดี ซื้อกรรมการ-โกงผลการแข่งขัน
แผนเดียวกับที่ปั้นพรรคไทยรักไทยไปโลดในช่วงเวลาแค่ไม่กี่ปี ระบุมีทั้งซื้อทีมเล็ก, ติดสินบนกรรมการ, ตั้งกฎกติกาใหม่ และจ้างทีม
คู่แข่งล้มบอล มั่นใจฤดูกาลหน้าพาหน้าเหลี่ยมขึ้นไปชูถ้วยแชมป์บอลลีกผู้ดีล้านเปอร์เซ็นต์
"เสี่ยแม้ว" เจ้าของฉายา "เหลี่ยม ร่อนเร่" ให้สัมภาษณ์กับมิสเตอร์ บั๊กแลมพ์ ดอว์ซั่น บรรณาธิการบริหาร Pujudguan Post เกี่ยวกับ
กรณีที่เขาใกล้จะเป็นเจ้าของสโมสรแมนฯ ซิตี้ ที่มีความเป็นไปได้กว่า 99.99 เปอร์เซ็นต์ ดังนี้ว่า
บั๊กแลมพ์ Hi! มิสเตอร์ตั๊กสินสำบายดีบ่?
เสี่ยแม้ว สูมาเตอะแหลม (ขอโทษวะแหลม) คิง (มรึง) อู้อ่ะหยั่ง? อ้ายบ่เข้าใจ๋
บั๊กแลมพ์ จ๊าดม่วนน่ออ้ายแม้วน้อ นานๆ กำ เฮามาอู้คำเมืองโตยกั๋น มันตึงม่วนง่าว (สนุกดีมีความสุขที่นานๆ หนเรามาพูดภาษาคำเมืองกัน ช่างมันเป็นบ้าเลย) แต่อ้าย ผมคนอีสาน อู้คำเมืองนานบ่ได้ มันไข่ลับ (มันง่วง)
เสี่ยแม้ว วันนี้มีอะไรจะมาสัมภาษณ์ผมเหรอ
บั๊กแลมพ์ อยากทราบแผนการเล่นในฤดูกาลหน้าของทีมแมนฯ ชิตี้ ที่ท่านเพิ่งมาบริหารน่ะครับ จะใช้ระบบไหน 4-4-2 หรือ 4-3-3
เสี่ยแม้ว NO เราไม่ใช่ระบบหรือแผนการเล่นแบบฟุตบอลทั่วไปแน่ๆ แต่เราจะใช้ระบบการทำทีมเหมือนกันกับที่ผมใช้ปลุกปั้นพรรคไทยรักไทยจนครองใจคนไทย 15 ล้านคน
บั๊กแลมพ์ บันได 4 ขั้นนั่นหรือครับ?
เสี่ยแม้ว ถูกแล้ว ฉลาดมากเลยไอ้น้อง บันไดขั้นที่หนึ่งซึ่งความจริงผมไม่จำเป็นต้องใช้สเวนโกรัน เอไอเอสก็ได้
บั๊กแลมพ์ ผมไม่เข้าใจ ทำไมพี่เรียกสเวนโกรัน อีริกส์สัน เป็นสเวนโกรัน เอไอเอส
เสี่ยแม้ว เพิ่งชมฉลาดไปหยกๆ เผลอแวบเดียวทำโง่อวดพี่ซะร้าววว เฮ้อ! จะไปใช้ยี่ห้ออื่นทำไมไอ้น้อง ใช้เอไอเอสนี่ถูกต้องแล้ว ชัด แจ๋วยิ่งกว่าแจ่วจิ้มจุ่ม อ้อ!
บันไดขั้นแรกในการที่จะส่งแมนฯ ซิตี้ไปผงาดเป็นแชมป์พรีเมียร์ชิปอังกฤษคือ กว้านซื้อทีมเล็กๆ กระจอกๆ ที่มีเค้าว่าจะตกชั้นแน่ๆ มาเป็นลูกไล่ให้ทีมเรา มีการสนับสนุนการเงินโยนไปให้นิดหน่อยแก่นักเตะและสตาฟโค้ช แต่อย่างพวกกองเชียร์ พวกฮูลิแกนประจำทีมเหล่านี้เราจะจัดสรรงบประมาณให้คอยไปรังควานไอ้พวกฝ่ายที่ไม่ชอบทีมเรา
บันไดขั้นที่สองคือ จ้าง กกต. ชะอุ้ย! จ้างกรรมการผู้ตัดสิน รวมทั้งผู้ช่วยผู้ตัดสิน แมตช์ที่สำคัญ หรือเรากำลังตกเป็นรองต้องให้จุดโทษเรา มันยิงเข้าให้เป่าเป็นล้ำหน้า ถ้ามันสะกิดนักเตะเรานิดเดียว ชูใบแดงไล่ม่าง เอ้ย! ไล่มันออกไปเลย ซ่าก๋าใครไม่ซ่ามาซ่ากะแม้วตกดอย หรือไม่ก็ถ้าพวกแมนฯ ซิติ้ ยังยิงไม่ได้ ให้แกล้งทดเวลาบาดเจ็บไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะยิงได้ ยิงปุ๊บไฟในสนามดับปั๊บ
คือก็ทำแบบเดียวกับที่ไทยรักไทยทำไง
บั๊กแลมพ์ ใกล้แล้วครับพี่ ตอนนี้แมนฯ ยูไนเต็ดของคุณนันทเขวี้ยงหล่นวูบไปอยู่ท้ายตารางห่างจากลิเวอร์พูล ทีมรักของ บก.หนวด แห่งนิตยสาร mars แค่แต้มเดียวเอง อิอิอิ
เสี่ยแม้ว จากนั้นเราจะซื้อพวกบอร์ดบริหารพรีเมียร์ชิป สักกึ่งหนึ่งในจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อรวมหัวกันโกงว่าด้วยการจัดตั้งกฎกติกาใหม่ ประมาณว่าถ้าแมนฯ ซิตี้ มีคะแนนนำโด่งแม้จะโกงผลการแข่งขันมา ก็ให้บอร์ดพิจารณาประเคนแชมป์ให้โดยไม่ต้องสนใจพวกยูฟ่าแต่อย่างใดทั้งสิ้น ส่วนบันไดขั้นสุดท้าย หากทำอย่างไรก็ไม่มีสิทธิ์ได้แชมป์ ผมจะจ้างทุกทีมให้ล้มบอล แค่นี้ก็หวานคอแม้ว อ้อ! อีกอย่างหนึ่ง ผมตั้งใจจะตระเวนนอนค้างอ้างแรมยังบ้านของนักเตะด้วย เพื่อเป็นการโรดโชว์ แหลมเอ๋ย บรรดาเมียนักเตะนี่แจ่มๆ ทั้งน้าน นี่พี่กำลังให้เอเยนซีไปติดต่อเบ็คแฮมมาอยู่กับทีมแมนฯ ซิตี้ แทนที่จะไปอเมริกา ถ้าเบ็คแฮมมา วิกตอเรียก็มา แล้วพี่ก็...
บั๊กแลมพ์ โรดโชว์ซะเลย 555 คุก คุก คุก โทษครับพี่ ผมไอเลิฟยูทูมีอีกแล้ว คุก คุก คุก
ที่มา: ผู้จัดกวน
วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550
Tutorial Online สำหรับ AutoCAD 2000 3D Modeling
http://parnu8.tripod.com/3d_model.html
8 Multimedia Tutorials สอนการใช้โปรแกรม AutoCAD 2000 : 3D Modeling (ระดับสูง)
http://www.geocities.com/parnu2000/tut3dmodel.html
วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2550
ลับเฉพาะ! เหตุซื้อ "แมน ซิตี้" ล่าช้า นภดลแฉ "แม้ว" เกลียดสปอนเซอร์
บ้านพระอาทิตย์ ลับที่สุด! ทะแนะแก้ต่างวังจันส่องหล้า "นภดล" เผยให้ "บักแหลม" ฟังหมดไส้ติ่ง ระบุชัดเจนสาเหตุที่ "เสี่ยแม้ว" ซื้อสโมสร "แมน ซิตี้" ล่าช้าเพราะมัวแต่ยื้อเวลาขอเจรจาเรื่องเปลี่ยนสปอนเซอร์ บอก "เหลี่ยม ร่อนเร่" เกลียดคำว่า "THOMAS COOK" สุดๆ เพราะอ่านออกเสียงเป็นอัปมงคล
ผู้จัดกวนดังไม่หยุดฉุดไม่อยู่ เพราะเป็นสื่อมวลชนที่เที่ยงตรงที่สุด เคร่งขรึมจริงจังต่อข่าวสารมากที่สุด และเป็นกลางในทางจรรยาบรรณมากที่สุด ล่าสุดเลยทำให้ทะแนะนภดล คนที่ดูแลแก้ต่างในทางกฎหมายให้กับวังจันส่องหล้า ออกมาให้สัมภาษณ์แบบลับเฉพาะกับบรรณาธิการบริหารผู้จัดกวน คือ "บักแหลม" เกี่ยวกับความเป็นจริงที่ยังปิดตาย "ทำไมเสี่ยแม้วยึกยักจนเกือบจะซื้อสโมสรแมน ซิตี้ไม่ได้" เพียงฉบับเดียวว่า
บักแหลม อะโหล หวัดดีครับ ที่นี่หนังสือพิมพ์ผู้จัดกวน ผมบักแหลมบรรณาธิการบริหารรับสายครับ อะไรนะฮะ...อ๋อ! พี่นภดลเองหรือครับ เป็นไงพี่ ขนลิ้นยังมีครบนะครับ แหมช่วงหลังนี้เลียได้ใจเสี่ยแกอย่างแรงเลยนิ
นภดล หน้าที่ว่ะแหลม แล้วที่สำคัญมันมีเรื่องของเม็ดเงินค่าจ้างด้วย ก็เลยต้องก้มหน้าก้มตาเลียต่อไป แต่ถ้าจะให้ไปเลียแบบกุ๊ยไข่แม้วละก้อพี่ไม่เอาเด็ดขาด เออนี่ พี่มีข่าวลับเฉพาะมาบอกเองนะแหลม
บักแหลม เป็นยังไงครับพี่ข่าวลับเฉพาะ ผมกับพี่ต้องแก้ผ้าเวลาคุยโทรศัพท์กันด้วยอ๊ะป่าว
นภดล ข่าวไอ้แหลม ข่าวไม่ใช่ภาพ ใครเอาเอ็งมาเป็นบรรณาธิการวะนี่ ปีหน้าสงสัยโบนัสตรึมแหง อ้อ! ข่าวที่พี่จะบอกให้เอ็งเอาไปลงผู้จัดกวนคือเรื่องที่เสี่ยแม้วแกซื้อแมน ซิตี้ช้า เพราะว่าเสี่ยแกไม่ชอบสปอนเซอร์ว่ะแหลม
บักแหลม ไม่เห็นจะยากนี่ครับ ไม่ชอบสปอนเซอร์เปลี่ยนไปดื่มเกเตอร์เรต หรือไม่ก็เอ็มสปอร์ตก็ได้ เครื่องดื่มเกลือแร่เหมือนกัน
นภดล ขำตายละไอ้แหลม ที่บอกว่าเสี่ยแกไม่ชอบสปอนเซอร์ คือแกไม่ชอบสปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุนทีมแมน ซิตี้ ไม่ใช่สปอนเซอร์ที่เป็นพะยี่ห้อเครื่องดื่ม โหยยย กรูละเบี๊ย...เบี่ย...เบี่ย มรึงเจรงๆ
บักแหลม อ๋อ! เอ...แต่คำว่า "THOMAS COOK" ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการก็เหมาะสมกับอนาคตของเสี่ยแกแล้วนี่ครับ คุก คุก คุก (บักแหลมดันไอเลิฟยูออกมา)
นภดล เอ็งแกล้งฉลาดน้อย หรือแอบตอกเจ้านายพี่กันแน่วะแหลม
บักแหลม โธ่พี่ ผมจะไปแกล้งเหน็บแนมทำไม ไหนพี่ลองอธิบายให้ความรู้แก่ผมหน่อยสิ
นภดล เรื่องของเรื่องมันเป็นอย่างนี้ ทีแรกเสี่ยแกจะไม่ซื้อหรอก จะซื้อให้โง่เรอะ มูลค่าของทีมที่เป็นหุ้นสโมสรแมน ซิตี้นี่นะแหลม ต่ำกว่าราคาครึ่งหนึ่งซึ่งเสี่ยแกจะปลิ้นเงินซื้ออีก ยังงี้แล้วเสี่ยแกจะโง่ซื้อมาทำพระแสงด้ามสั้นทำไม แกกับพี่เลยออกอุบายใช้วิธีให้ข่าวซื้อแมน ซิตี้มาแย่งมวลชนคนไทยสู้กับ คมช. ยื้อเวลามาได้พักหนึ่ง จนกระทั่งข่าวแพลม ชะอุ้ย! แลบออกมาว่าจะถูกอายัดทรัพย์แน่ๆ เสี่ยแม้วก็จำเป็นต้องซื้อ ไม่เช่นนั้นกระแสเรื่องเสี่ยโกหก รวมทั้งข่าวทางด้านลบของเสี่ยจะทยอยออกมาเรื่อยๆ เพื่อภาพลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้น กะอีเงินจิ๊บจ๊อยที่แอบซุกมาก่อนหน้านี้เสี่ยแกเลยทู่ซี้ยื่นเงื่อนไขจะซื้อให้ได้
บักแหลม แล้วไงต่อครับ
นภดล ก็บอกแล้วไงว่ามันติดขัดตรงชื่อสปอนเซอร์ เสี่ยแกเกลียดเข้าไส้ลามไปถึงม้าม แกพยายามต่อรองว่าเปลี่ยนจาก "โทมัส คุก" ได้ไหม ทางนั้นบอกไม่ได้ เซ็นสัญญากับ "โทมัส คุก" กันไปเรียบร้อยแล้ว ยังไง้ ยังไงก็ต้องคุกลูกเดียว ไม่มีทางหลีกเลี่ยงเบี่ยงประเด็น
บักแหลม ความจริงเปลี่ยนเป็น "โทมัส ห้องกรง" หรือไม่ก็เอ้อ..."โทมัส ตะราง" ก็ได้กระมังครับพี่ ตรงตัวดีออก
นภดล เฮ้ยแหลม! ตอนนี่พี่อยู่กับเสี่ยแม้วที่ฮ่องกง สภาพอากาศล่าสุดที่เมืองไทยเป็นไงบ้าง
บักแหลม ผมฟังข่าวเมื่อเช้า กรมอุตุนิยมแจ้งว่า ที่กรุงเทพมหานครสภาพอากาศจะดีมาก ปลอดโปร่งโล่งสบาย ยกเว้นบริเวณท้องสนามหลวง ช่วงเย็นและค่ำจะมีลมกระโชกแรงและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในวันที่ที่ม็อบพีทีวีประกาศจะชุมนุมใหญ่ บางวันฝนอาจกระจายตามไปที่หน้ากองทัพบก บุคคลที่มีอักษรย่อ ว, จ, ณ, ท ให้ระวังกบาลเป็นพิเศษ เพราะฟ้าอาจผ่าเปรี้ยงลงใส่จนกระทั่งถึงแก่ความตาย หรือไม่ก็ชักแหง็กๆ ได้ในที่สุด 555 เอิ๊กเอิ๊กเอิ๊ก
ที่มา: ผู้จัดกวน
โทรศัพท มือถือ กับคลื่นไมโครเวฟ
ติดตั้งตามภาพข้างล่าง
เราจะเริ่มด้วยการโทรระหว
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้เห็นใน 15 นาทีแรก
หลังจาก 25 นาที ไข่เริ่มอุ่นขึ้น
หลังจาก 45 นาทีผ่านไป ไข่ร้อนขึ้น และ
หลังจาก 65 นาที ไข่ก็สุก
สรุป :
ถ้ารังสีไมโครเวพที่ปล่อยออกมาจากโทรศัพท์มือถือ สามารถเปลี่ยนแปลงโปรตีนในไข่ ลองจินตนาการว่า ถ้าจะเปลี่ยนโปรตีนในสมองของเราได้อย่างไร เมื่อเราพูดโทรศัพท์ผ่านโทรศัพท์มือถือ
How 2 Be Mr.Bean
หมอ : หมอเสียใจที่ต้องบอกคุณว่าคุณมีเนื้องอกในสมอง
มิสเตอร์บีน : ต้องอย่างนั้นสิ!!!! (กระโดดดีใจตัวลอย)
หมอ : คุณเข้าใจในสิ่งที่หมอพึ่งจะบอกคุณไหมนี่
มิสเตอร์บีน : แน่นอนสิครับ หมอคิดว่าผมโง่รึไง
หมอ : ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงดีใจล่ะ
มิสเตอร์บีน : เพราะนั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวผมเองก็มีสมองน่ะสิครับ!!!
2. มิสเตอร์บีนวัยประถม
อาจารย์ : 4+5 ได้เท่ากับเท่าไหร่
มิสเตอร์บีน : 9
อาจารย์ : แล้วถ้า 5+4 ล่ะ
มิสเตอร์บีน : ครูคิดจะหลอกผมหรือไง ครูพึ่งจะสลับตำแหน่งตัวเลขนะ
คำตอบคือ
6!!!
3. ขณะอยู่ในร้านขายยา
มิสเตอร์บีน : ผมอยากได้วิตามินสำหรับหลานชายของผม
เภสัชกร : ทานโทษ วิตามิน A B หรือ C ล่ะครับ
มิสเตอร์บีน : อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ
หลานของผมยังไม่รู้จักตัวอักษรหรอก!!!
4. ที่ตู้ ATM
เพื่อน : แกมองอะไรน่ะ
มิสเตอร์บีน : ฉันรู้เลขรหัสของแกด้วยล่ะ ฮี่ๆๆ
เพื่อน : ดีล่ะ งั้นบอกมาสิเลขรหัสของฉันคืออะไร
มิสเตอร์บีน : ดอกจันสี่ตัวไงล่ะ!!! (****)
5. กับเพื่อนน่ะ
เพื่อน : หนัง VDO. ที่แกยืมฉันไปเป็นไงบ้างล่ะ สนุกไหม
มิสเตอร์บีน : นายจะให้สนุกตรงไหนล่ะ
ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นหนังสยองขวัญเสียมากกว่า
ฉันมองไม่เห็นภาพอะไรเลย
เพื่อน : แล้วแกเอาเรื่องอะไรไปล่ะ
มิสเตอร์บีน : ม้วนล้างหัวเทป !!!
6. การตายของแม่
มิสเตอร์บีน : (ร้องไห้) หมอพึ่งโทรมาบอก แม่ของฉันตายเสียแล้ว
เพื่อน : เสียใจด้วยนะเพื่อน
มิสเตอร์บีน : (2 นาทีต่อมา) ร้องไห้ดังยิ่งกว่าเดิม
เพื่อน : เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะทีนี้
มิสเตอร์บีน :น้องสาวฉันก็พึ่งโทรมาบอกว่าแม่ของเธอก็ตายด้วยเหมือนกัน!!!
7. มิสเตอร์บีนมาถึงในงานเลี้ยง
แขกผู้มาร่วมงาน : ขอโทษที่มาสาย ผมมัวแต่ติดอยู่ในลิฟท์ตั้ง 4 ชม. เพราะไฟดับ
มิสเตอร์บีน : ไม่เป็นไรหรอก ผมเองก็มัวแต่ติดอยู่ที่บันไดเลื่อนตั้ง 3 ชม. เหมือนกัน!!
8. วิชาสะกดคำ
ลูกชาย : พ่อฮะ คำว่า successful นี่มีตัว C ตัวเดียวหรือว่า 2 ตัวฮะ
มิสเตอร์บีน : ใส่เผื่อไปเลย 3 ตัวเพื่อความแน่ใจลูก!!!
CADopia 6 [IntelliCAD] SP3
(Adds PDF support for multiple layouts.)
วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2550
วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2550
วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2550
ประธานคนใหม่ของบริษัท
ประธานคนใหม่ของบริษัท............ประเทศไทย
เพิ่งมารับงานฟื้นฟูกิจการที่ตกต่ำของบริษัทเป็นวันแรก
เขาเรียกประชุมพนักงานทันที แล้วประกาศนโยบายแรก
ซึ่งก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
ใครทำงานไม่เต็มที่จะต้องถูกพิจารณาอย่างเด็ดขาด
หลังการประชุม
เขาออกเดินตรวจตราบริษัท พร้อมกับผู้จัดการแผนกอีก 6-7คน
ความสนใจของเขาเพ่งเล็งอยู่ที่ไอ้หนุ่มคนหนึ่งซึ่งยืนพิงผนังดูคนอื่นทำงานอย่าง
สบายใจ
เขาเดินตรงไปที่ไอ้หนุ่มทันทีแล้วถาม
"เงินเดือนคุณเดือนละเท่าไหร่?"
"เจ็ดพันครับ" ไอ้หนุ่มตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
ไม่เปลี่ยนแม้แต่ท่ายืนด้วยซ้ำ
เขาควักเงินเจ็ดพันบาทยื่นให้ไอ้หนุ่มทันที แล้วตะโกนลั่น...
"นี่เงินเดือนๆ สุดท้ายของคุณ
แล้วเชิญคุณออกไปเลยไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก"
ไอ้หนุ่มคว้าเงินแล้วโกยแน่บทันที
ในขณะที่เขาหันหลังกลับมาหา พนักงานบริษัทที่ตะลึงกันถ้วนหน้า
แล้วตะโกนถาม...
"ใครตอบผมได้บ้าง ว่าไอ้หนุ่มนั่นทำอะไร เมื่อกี้นี้?"
ความเงียบปกคลุมทั่วสำนักงานเป็นเวลาหลายวินาที
ก่อนที่จะมีผู้กล้าพูดออกมา
..
..
..
..
"เขามาส่งพิซซาครับ!!!"
วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2550
ผีช่องแอร์
เมื่อวานนี้ได้ดูหนังทางช่องสามที่เขามาฉายเป็นภาพยนต์เรื่องยามรอบดึกตอนประมาณ 5 ทุ่มครับ...วันนี้เสนอเรื่อง...
ผีช่องแอร์
ซึ่งแน่นอนครับเป็นเรื่องของผีที่สิงห์อยู่ในช่องแอร์ ...เรื่องคร่าวๆ ก็มีอยู่ว่า...
.....ผู้หญิงคนหนึ่งถูกฆาตกรรม ภายในห้องพักแล้วถูกตัดหัวขาดออก...แล้วเอาไปผูกติดไว้กับช่องแอร์ของห้อง...กลายเป็นฆาตกรรมสยองครับ...
เมื่อก่อนผมเคยได้ยินนักวิจารณ์บางคนด่าหนังเรื่อง คนไฟบิน ประมาณว่าเป็นหนังสิ้นคิด..แต่ผมว่าคนไฟบิน ดีกว่าเรื่องนี้เยอะเลย...เรื่องนี้พอจะมีข้อดีอยู่บ้างก็คงเป็นเรื่องของภาพ แต่อย่างอื่นมันดูไม่เป็นเหตุเป็นผลไม่มีที่มาที่ไป เลื่อนลอยไร้ plot เรื่อง เอาเป็นว่ากูจะเป็นเรื่องผีเท่านั้นแหละ เอะอะกูก็จะเป็นผีซาดิสต์ ผีฆ่าโหด ผีบ้าฆ่า ผีฆ่าอย่างเดียว ผีไม่มีรู้เรื่องรู้ราว...กูตาย..กูจะฆ่า..มึงต้องตาย..ใครจะทำไม กูมาหลอกกูมาฆ่า...แต่กูไม่บอกว่าต้องการอะไร...ไม่มีเหตุผล...ไม่สนใจ...กูเป็นผี...กูจะฆ่าโว้ย...
ดูแล้วเคียดแค้นจริงๆ ครับ ไม่รู้ว่าจะไประบายกับใคร...กับคนเขียนบท, ผู้กำกับ, หรือผู้สร้างดีครับ.....
...โอ้ย!! ตูละกลุ้ม...
ภาพจาก พันทิพย์คาเฟ่ ผีช่องแอร์
(http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/thesisters/sisters.html)
วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2550
what going on..
ID 4.
Be hide Enemy Line.
The sea of the sun. (เขียนผิดขออภัย..ไม่แน่ใจจริงๆ)
Butter Fly Effect"
สงคราอ่าวเปอร์เซีย..
อิหร่าน...
เกาหลีเหนือ...
...การบังคับใช้สิทธิ์ เกี่ยวกับยารักษาโรคเอดส์....
...เทพหรือมาร..ใครบอกที..
ปล.สงสัยมาก.....
วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2550
หม้อวิเศษ..จงบอกข้าเถิด
เป็นพิธีกรณ์ นอนดูไปก็ขำๆ ไป ในการนำเสนอและก็เหตุผลต่างๆ ที่ทำให้หม้อนี้น่าใช้มากขึ้นเป็นกอง เรื่องของเรื่องก็คือว่า
ชื่อผลิตภัณฑ์:
หม้อดินสำหรับตุ๋นซุป
ลักษณะภายนอก:
เป็นหม้อลักษณะหม้อดินบ้านเราที่เป็นทรงกระบอก ได้รับการเผาในเตาความร้อนสูง ซึ่งคงสูงซักประมาณ 30 ซม. ได้ ส่วนขนาดเส้นผ่านหน้ากลาง (ศูนย์กลาง) ก็ประมาณขนาดถ้วยเรานะครับ (ถ้วยใหญ่ใส่แกงนะไม่ใช้ขนมหวาน)
สิ่งที่ซ่อนอยู่:
ส่วนที่เป็นหม้อนี่เค้าว่าทำมาจากดินสีม่วงซึ่งเป็นดินที่มีเฉพาะในมณฑลอะไรไม่รู้ในจีนเท่านั้น และเป็นดินชนิดเดียวกันกับที่ใช้เผาทำหม้อดินสำหรับต้มซุปให้กับฮ่องเต้... นั่นแน่ชักสนุกแล้วใช่ไหมครับท่าน...
ประโยชน์ใช้สอย:
สำหรับต้มซุปที่อะร่อยที่สุดในจักรวาลด้วยราคาที่ แพงที่สุดในจักรวาลเช่นกันครับ...
คุณสมบัติพิเศษ:
รู้สึกว่าเป็นเตาที่สามารถต้มได้โดยที่เราไม่ต้องใช้เตาถ่านครับ ไม่ต้องจุดไฟเอง ... ก็เค้ามีปลั๊กไฟมาให้แล้วน่ะ ติดตั้งมาเสร็จเลย โอ้โฮ้ เวอร์คๆๆ
จุดเด่นอีกประการที่เน้นมากๆ เลยก็คือ หม้อนี้เค้าทำมาจากดินสีม่วงที่มีคุณภาพดีมาก (อาจดีกว่าดินด่านเกวียนของเรานะครับ..อันนี้ผมเดาเอาเอง)
เนื้อหาการนำเสนอ:
เค้าก็มีสัมภาษณ์คนที่มีหม้อนี้ (ไว้โฆษณา) ครับ
คนแรกเป็นผู้ชายอายุประมาณ 30 อยู่ในชุดหนุ่ม Office มาดแมน ก็พูดว่า "ตั้งแต่ผมมีหม้อนี้นะครับผมมีสุขภาพดีขึ้นมากเลยครับ เนื่องจากมีซุปร้อนๆกินเป็นประจำ"
@#$@%# ฮ่วย ไม่มีไอ้หม้อนี่ที่บ้านคงทานแต่น้ำเย็นมั้งครับ เลยไม่ค่อยสบาย 5555
อีกคนซึ่งเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 อยู่ในชุดประมาณว่าแม่บ้านแบบอาซ้อ บอกว่า "ตอนนี้สบายมากเลยค่ะ เพราะลูกเค้าต้มซุปให้ทานเป็นประจำเลยตั้งแต่ได้หม้อตุ๋นนี้มา"
เอ!! แสดงว่าถ้าไม่มีไอ้หม้อนี้แล้วลูกเค้าคงทอดทิ้งให้ไปอยู่บ้านบางแคร์มั้งครับท่าน....สงสัยมากๆในความกตัญญู?
ส่วนคนนี้ถ้าทางเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เพราะมาให้ข้อมูลสนับสนุนครับ มีคำถามหนึ่งคุณดวงตาเค้าถามว่า "เอหม้อนี่ถ้าเราเทียบกับการต้มนี่จะเป็นยังไงค่ะ" ท่านคนนั้นก็ตอบว่า
"หม้อตุ๋นของเรานี่ทำจากดินอย่างดีทีใช้สำหรับการตุ๋นโดยเฉพาะ และแม้แต่จักรพรรดิ์จีนก็ยังใช้กันสืบทอดมายาวนาน แล้วเมื่อเทียบกับการต้มแล้ว..."
เริ่มเข้าเรื่องแล้วครับท่าน
"การต้มนั้นก็ต้มประเดี๋ยวประด๋าว ..คงไม่สามารถเทียบกับการตุ๋นของเราได้หรอกครับ การตุ๋นนั้นจะทำให้ซุปที่ได้นั้นมีรสชาติกลมกล่อมน่าทานกว่าแน่นอนครับ"
เค้าตอบมาก็เลยงงนะครับ...
คือถ้าต้มแป๊บเดียวซุปไม่เข้มข้น....ก็ทำไมไม่ต้มนานๆ ให้มันเปี่อยๆ ไปเลยละครับท่าน แล้วไอ้ตุ๋นกับต้มเนี่ยมันช่วยให้ชีวิตเราต่างกันยังไง
ครับช่วยบอกทีครับ.. เช่นว่า วิตามินจะยังคงอยู่ไหม หรือถ้าต้มเนี่ยน้ำที่ได้มันจะขุ่นแล้วเนื้อออกเละๆ ถ้าตุ๋นจะได้น้ำที่กลมกล่อมเนื้อเปื่อย
ไม่เละ เออ อย่างนั้นก็ว่ากันไป..แหมนี่เล่น ต้มประเดี๋ยวประด๋าว คงสู้ตุ๋นไม่ได้ โห!! ทำไม่ไม่บอกมาเลยละว่า
..ศักสิทธิ์ เป็นสิริมงคลกับคนที่มีไว้ครอบครอง...
แล้วไอ้ดินสีม่วงนี่มันดียังไงอ่ะ ไม่มีความรู้จริงๆ ครับใครรู้เรื่องดินนี้บอกทีนะจะได้เก็บเป็นข้อมูล แล้วต๋นกับต้ม นี่มันคนละ Concept นี่ไหงไม่เทียบให้มันได้เห็นภาพหน่อย หรือไม่ก็ไปเทียบกับหม้อตุ๋นดินทั่วๆ ไปที่เราใช้กัน จะได้รู้ซะทีว่ามันดียังไง... (ดินสีม่วงนี่เผามาแล้วได้
สีแดงเหมือนอิฐแดงๆ เหมือนกับหม้อเดิมของเรารึเปล่า...ข้องใจ!) ...
แต่เดี๋ยวก่อน... ตอนนี้เวลานี้ (ตีอะไรว่ะ..) 5,900 เราไม่ขาย 4,900 เราก็ไม่ขาย, ...
ตกลง! มันจะขายเท่าไหร่???
พระเจ้าจ๊อด! มันยอดมาก...555
วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2550
เมื่อธนาคารโลกสารภาพผิด 10 ปีหลังวิกฤตเศรษฐกิจ
อภิชาต สถิตนิรามัย
เมื่อปีที่แล้ว ธนาคารโลก (WB) ออกเอกสารสำคัญ โดยเฉพาะต่อผู้สนใจเรื่องวิกฤตและการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ มาฉบับหนึ่ง (Report No.35051) เอกสารชิ้นนี้เป็นเอกสารที่ต้องการประเมินว่าโครงการเงินกู้ที่ให้แก่ไทยเพื่อแก้ไขวิกฤต ประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลว มากน้อยเพียงใด ในประเด็นใดบ้าง เมื่อทาบวัดกับวัตถุประสงค์ของโครงการเงินกู้สามโครงการ ในวงเงิน 1350 ล้านเหรียญอเมริกา โดยผ่านการประเมินของกลุ่มผู้ประเมินอิสระ (independent evaluation group)
วัตถุประสงค์ของโครงการทั้งสามมีอยู่ด้วยกัน 8 ประการ แต่ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะประเด็นที่ผู้เขียนสนใจเท่านั้น คือ
หนึ่ง การสร้างเสถียรภาพด้านการคลังและเศรษฐกิจมหภาคให้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งภายหลังการลอยตัวค่าเงินบาทในวันที่ 2 ก.ค.2540
เอกสารนี้เห็นว่าการเลือกใช้นโยบายการคลังแบบหดตัว โดยกำหนดให้ไทยต้องเกินดุลการคลัง 1% ของ GDP ในปีแรก ท่ามกลางวิกฤตขนานใหญ่ ซึ่งมี IMF เป็นผู้กำหนดและ WB เห็นชอบด้วยนั้น เป็นความผิดพลาดที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทย ถดถอยมากกว่าที่ควร และฟื้นตัวช้ากว่าที่ควรอีกด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่ประสบวิกฤตด้วยกันแล้ว ศก.ไทยตกต่ำรุนแรงกว่าและฟื้นตัวช้ากว่าทุกประเทศ ยกเว้นแต่เมื่อเทียบกับอินโดนีเซีย (ซึ่งประสบวิกฤตทางการเมืองขนานใหญ่ ควบคู่ไปด้วย)
ในแง่นี้แล้ว เอกสารชิ้นนี้จึงเป็นการยอมรับความเห็นของผู้วิจารณ์ องค์กรระหว่างประเทศทั้งสองในขณะนั้น ดังเช่นความเห็นของ Stiglitz ผู้มีตำแหน่งเป็น chief economist ของ WB ในขณะนั้น และเป็นผู้แหวกประเพณีของการไม่วิจารณ์กันเองระหว่างองค์กรโลกบาลทั้งสอง ซึ่งทำให้ IMF เสียเครดิตไปมาก
เมื่อ ศก.ตกต่ำรุนแรงยิ่งขึ้น และฟื้นตัวช้าขึ้นแล้ว จากการให้ยาผิดขนานนี้ ทำให้กระบวนการปฏิรูปทั้งหมด สูญเสียเครดิตในสายตาประชาชน ซึ่งส่งผลให้กระบวนการปฏิรูปด้านโครงสร้างมีความเป็นไปได้ทางการเมืองน้อยลง และประสบความสำเร็จยากขึ้นมาก ตัวอย่างเช่น การแก้ไขกฎหมายเศรษฐกิจ 11 ฉบับ ที่สุดท้ายแล้วกลายเป็นกฎหมาย “ขายชาติ” ไปเสียทั้งหมด ทั้งๆ ที่หลายฉบับมีความจำเป็นต่อการปฏิรูป เช่น กฎหมายล้มละลาย
สอง การออกแบบมาตรการแก้ปัญหาสถาบันการเงินอ่อนแอ โดยการสั่งปิด 56 บ.ไฟแนนซ์ และไม่มีแผนการรองรับที่ดีพอ ก่อให้เกิดผลกระทบและต้นทุนโดยไม่จำเป็นแก่ ศก.ในหลายแง่ คือ
ก) การไม่แยกหนี้เสียและหนี้ดีของบริษัทเงินทุน (บง.) ออกจากกัน ในขณะที่อนาคตของ บง.เหล่านั้นถูกแขวนอยู่เป็นเวลานาน ทำให้ลูกหนี้ดีไม่มีผู้ดูแลและขาดเงินหมุนเวียนในธุรกิจ จนสุดท้ายต้องการเป็นหนี้เสียไปโดยไม่จำเป็น ในขณะที่ลูกหนี้เหล่านี้ก็ไม่สามารถไปกู้เงินจากสถาบันการเงินอื่นได้ เพราะหลักประกันเงินกู้ของเขาถูกแช่แข็งอยู่กับ บง.ที่ถูกสั่งระงับกิจการ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมภาวะวิกฤตโดยไม่จำเป็น
ข) จากข้อ ก ส่งผลต่อเนื่องให้ลูกหนี้ส่วนหนึ่งทำตัวเป็น strategic NPLs คือการถือคาถา ไม่หนีหนี้ แต่ก็ไม่จ่ายหนี้ด้วย โดยเฉพาะในสถานการณ์ credit crunch ที่หาเงินหมุนเวียนได้ยาก เพราะเมื่อลูกหนี้จ่ายหนี้แล้ว สถาบันการเงิน ไม่ปล่อยกู้รอบใหม่ ตนย่อมขาดเงินหมุนเวียน ทำให้มีผลเสียต่อ credit culture ในระยะยาว
ค) การสั่งปิดสถาบันการเงิน พร้อมกันจำนวนมาก ซึ่งมีสินทรัพย์รวมกันคิดเป็น 15% ของ GDP ในขณะที่ทางการไม่มีกำลังคน ประสบการณ์ หรือความสามารถในการจัดการ “ทำศพหมู่” จำนวนเท่านี้มาก่อน (ซึ่งต่อให้เป็นประเทศตะวันตก ที่มีระบบกำกับสถาบันการเงินที่เข้มแข็งกว่ามาก หากต้องจัดการกับปัญหาในระดับนี้แล้ว ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าจะทำได้เพียงใด) ความยากลำบากในการจัดการ รวมทั้งการไม่มีแผนรองรับที่ชัดเจนว่าจะ “ทำศพ” หรือไม่ อย่างไร ทำให้ ศก.ไม่ฟื้นตัวในอัตราที่เร็วกว่าที่เกิดขึ้นจริง เพราะทรัพย์สินจำนวนมากของระบบถูกล็อกอยู่กับ บง.ที่ถูกสั่งปิด มาตรการที่ควรทำมากกว่าการสั่งปิด ก็คือการเข้าไปแทรกแซงแทนการสั่งปิดสถาบันที่อ่อนแอ แล้วแยกหนี้ดีออกมาให้องค์กรหนึ่งดูแล (จัดตั้ง bridge bank) ในขณะที่ถ่ายหนี้เสียไปให้องค์กร เช่น ปรส.ขายทิ้ง ก็จะไม่สร้างปัญหาในข้อ ก ถึงข้อ ค
สาม การปรับโครงสร้างหนี้ของภาคธุรกิจจริง (real sector corporate restructuring) ด้านโครงสร้างการเงินเพื่อแก้ปัญหา NPL นั้น การปรับโครงสร้างนี้ก็มีคุณภาพต่ำ เพราะจำนวนมากใช้วิธีการยืดเวลาการชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย ฯลฯ แต่มีการลดมูลหนี้น้อย ทำให้เกิด NPL ย้อนกลับจำนวนมากในเวลาต่อมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถาบันการเงิน ไม่ต้องการรับรู้ผลการขาดทุน (realized losses) อย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลัวการตั้งสำรอง ซึ่งจะมีผลให้ธนาคารต้องเพิ่มทุนและผู้ถือหุ้นเดิมต้องลดสัดส่วนความเป็นเจ้าของลง (และเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องเข้าร่วมในโครงการเติมทุนให้ธนาคาร ตามแผน 14 สิงหาคม ของรัฐบาลชวน) ธนาคารจึงใช้วิธีปรับโครงสร้างลูกหนี้แบบ “หลอกๆ” (cosmetic restructuring) ข้างต้น โดยหวังว่าเมื่อ ศก.ฟื้นตัวแล้วฐานะของลูกหนี้จะดีขึ้นเอง
ที่กล่าวข้างต้นนั้นเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ภาคสมัครใจภายใต้การดูแลของธนาคารชาติ ซึ่งเป็นกระบวนการนอกศาล ส่วนกระบวนการจัดการหนี้ภายใต้กฎหมายล้มละลายนั้นยิ่งประสบความยากลำบากมากกว่า เนื่องจากชุดกฎหมายที่กำกับความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ของไทยนั้นล้าหลังมาก และเข้าข้างลูกหนี้ เช่น กฎหมายล้มละลายไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการปรับโครงสร้าง (rehabitation) ในขณะที่กระบวนการบังคับหลักประกัน ก็กินเวลาเป็น 10 ปี เป็นต้น ดังนั้นองค์กรโลกบาลทั้งสองจึงบรรจุการแก้กฎหมายชุดนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในเงื่อนไขเงินกู้ แต่ก็ถูกต่อต้านอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากวุฒิสมาชิก NPLs ในยุคนั้น จนเมื่อแก้ไขแล้ว กฎหมายล้มละลายก็อ่อนลงกว่าที่ตั้งใจไว้มาก เช่น บทบัญญัติที่กำหนดให้บุคคลล้มละลาย ถูกปลดออกจากสภาพล้มละลายโดยอัตโนมัติภายใน 3 ปี ซึ่งหมายความด้วยว่าหนี้สินทั้งหมดเป็นอันยกเลิกต่อกัน ทำให้เจ้าหนี้มีเวลาเพียงแค่ 3 ปีในการติดตามทรัพย์สินของผู้ล้มละลาย ในขณะที่การฟ้องหนี้ในกฎหมายแพ่งนั้น เจ้าหนี้มีเวลาในการตามทรัพย์เป็นเวลาถึง 10 ปี ด้วยกฎหมายที่อ่อนแอนี้เองทำให้ลูกหนี้ หลบเลี่ยงการเข้าสู่กระบวนการในการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้กระบวนการปรับโครงสร้างทั้งหมดช้าลง ทำให้การขยายตัวของสินเชื่อทำไม่ได้ ดังนั้นภาคเศรษฐกิจจริงจึงฟื้นตัวช้าตามไปด้วย
ในแง่หนึ่ง การเสนอให้ไทยแก้กฎหมายล้มละลายตามแบบกฎหมาย chapter 11 ของอเมริกา ก็เป็นความผิดพลาดในการออกแบบมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ ขององค์กรโลกบาลเองด้วย เพราะการออกแบบ ไม่ได้คำนึงถึงความอ่อนแอของระบบกฎหมายชุดนี้อย่างพอเพียง ดังนั้น เมื่อต้องผลักดันการแก้กฎหมายจำนวนมาก ในเวลาอันสั้น จึงก่อให้เกิดแรงต่อต้านทางการเมืองมากไปด้วย การแก้ปัญหา NPLs อาจจะรวดเร็วขึ้นกว่าที่เกิดจริง หากเน้นไปที่กระบวนการแก้ปัญหานอกระบบศาลเสียตั้งแต่ต้น
นอกจากการปรับโครงสร้างทางการเงินข้างต้นที่ช้ามากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นแล้ว ยังปรากฏด้วยว่าการปรับองค์กร (operational restructuring) เกิดขึ้นน้อยมาก ตัวอย่างเช่น การกระจุกตัวของความเป็นเจ้าของ ก็ยังคงไม่แตกต่างไปจากก่อนวิกฤต มากกว่าครึ่งของภาคธุรกิจยังคงตกอยู่ภายในกำมือของคนเพียง 15 ตระกูลเช่นเดิม หากเชื่อว่าการกระจุกตัวของความเป็นเจ้าของนี้เป็นสาเหตุสำคัญหนึ่ง ที่ทำให้ภาคธุรกิจไม่สามารถต้านทาน ต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงลบได้ (economic shock) เนื่องจากโครงสร้างที่กระจุกตัวเช่นนี้ ทำให้ภาคธุรกิจได้รับสินเชื่อจากธนาคารมากเกินสมควร ดังนั้น ระบบเศรษฐกิจไทยก็ยังคงมีความเสี่ยงต่อ shock ต่อไปเช่นเดิม
การกระจุกตัวที่สูงมีนัยว่า เนื่องจากธุรกิจแบบครอบครัวต้องการรักษาระดับความเป็นเจ้าของบริษัทที่สูง ดังนั้นแหล่งเงินทุนในการขยายกิจการจึงมาจากการก่อหนี้ต่อสถาบันการเงิน แทนที่จะระดมทุนจากคนภายนอกตระกูล ทำให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ต่อทุนสูง เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ เช่น เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น หรือเมื่อหนี้ที่กู้เป็นเงินตราต่างประเทศโดยไม่ประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน แล้วเงินบาทลดค่าลง บริษัทเหล่านี้ก็จะล้มง่าย
ความไม่สำเร็จในสามประการข้างต้นจึงเป็นการอธิบายว่า เหตุใดเศรษฐกิจไทยจึงฟื้นตัวช้ากว่าประเทศที่ประสบวิกฤตในปี 2540 และอาจตีความต่อได้ว่าระบบเศรษฐกิจยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่แม้ในปัจจุบัน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการลงทุนของภาคเอกชน ที่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2503-2529 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเศรษฐกิจฟองสบู่เสียอีก ในขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น เป็นผลจากการขยายตัวของการส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนลงมากหลังปี 2540 และการขยายตัวของการค้าโลกที่สูง
แม้ว่า WB จะสารภาพผิดแล้วก็ตาม แต่นี้มิได้หมายความว่าความผิดทั้งหมดเป็นขององค์กรนี้ โดยที่เราไม่ผิดเลย อย่างน้อยการแก้ไขกฎหมายล้มละลายให้อ่อนกว่าที่ควรจะเป็นจากแรงผลักดันของ ฝ่ายลูกหนี้ และจนกระทั่งปัจจุบันร่างกฎหมายที่สำคัญต่อระบบการเงินสามฉบับ คือ พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ร.บ.ประกันเงินฝาก ก็ยังไม่ประกาศใช้ ทั้งๆ ที่เริ่มร่างมาสิบปีแล้ว ก็เป็นตัวอย่างของความล้มเหลวของการปฏิรูปที่เราโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเราเอง
สำหรับ WB อย่างน้อยก็มีกระบวนการตรวจสอบตัวเอง แล้วเราล่ะ
ที่มา OnOpen Online
วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2550
ททท.ร้องลั่น“ท้อแต่ไม่ถอย” เหนื่อยอีกยกปลุกตลาดโลว์ซีซั่น
ททท.ท้อแต่ไม่ถอย เร่งสปีดกระตุ้นนักท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น ชู 4 ตลาดเป้าหมาย ตะวันออกกลาง อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ พร้อมรุกตลาดใหม่ แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ยอมรับตลาดสิงคโปร์ และมาเลเซียถดถอย มั่นใจโลว์ซีซั่นปีนี้ต้องดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 1 ล้านคน ถึงสิ้นปีเข้าเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ตลาดในประเทศ เล็งออกโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ชวนคนไทยท่องเที่ยวอย่างรู้คุณค่า
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ในช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ (เม.ย.-ก.ย.) ททท. ได้วางแผนทำตลาดเชิงรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการ และ ได้จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ถึงสิ้นปีตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ ตลาดต่างประเทศ 14.8 ล้านคน รายได้ 5.47 แสนล้านบาท และ ตลาดคนไทย 82 ล้านคนครั้ง รายได้ 3.8 แสนล้านบาท
โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศ จะเป็นแผนต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งการกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงโลว์ซีซั่น ททท. ได้ทำต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี และปีนี้จะเป็นปีที่ 3 โดยเราตั้งความหวังว่าช่วงโลว์ซีซั่นจะต้องมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ล้านคนตลอดช่วง 6 เดือน ซึ่งแผนงานคือจะร่วมกับบริษัททัวร์นำเที่ยวในต่างประเทศ สมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) และ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) จัดทำโปรโมชั่นส่งเสริมการเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งตลาดเป้าหมายในช่วงฤดูนี้ ได้แก่ ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง อินเดีย ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ นอกจากนั้นจะเจาะตลาดใหม่เพิ่มเติม เช่น แอฟฟริกาใต้ อินโดนีเซีย และ ฟิลลิปปินส์
“ยอมรับว่า จากเหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ส่งผลกระทบให้หลายตลาดหลักของไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย และ จีน เป็นต้น แต่ ททท.จะไม่ย่อท้อ เราจะหาตลาดใหม่ๆเข้ามาทดแทน เพื่อให้การทำงานของเราบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ และ เมื่อ สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ ตลาดที่หายไปก็จะกลับคืนมาอีก ไทยก็จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น”
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดสิงคโปร์ ททท.ก็ไม่ได้หยุดทำตลาด ล่าสุด จับมือกับการบินไทย ไทเกอร์แอร์เวย์ และบริษัททัวร์ในสิงคโปร์อีก 10 ราย จัดแพกเกจทัวร์ไปจังหวัดอุดรธานี ซึ่งททท.จะใช้โอกาสนี้โปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวอีสาน ส่วนนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ ก็ได้เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ
สำหรับตลาดตะวันออกกลาง ล่าสุด ในวันที่ 1-4 พ.ค.50 จะเดินทางไปร่วมงาน อาร์เบียนทราเวล มาร์ท(ATM) จัดที่ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต โดยมีเอกชนร่วมเดินทางไปทั้งสิ้น 68 ราย ทั้ง บริษัทนำเที่ยว โรงพยาบาล และ โรงแรม
นางพรศิริ กล่าวว่า ส่วนของตลาดในประเทศ ที่ประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เห็นชอบแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ตลาดในประเทศแล้วภายใต้แนวคิด “เก็บเมืองไทยให้สวยงาม” และ มหัศจรรย์เมืองไทย ต้องไปสัมผัส” โดย ททท.จะเริ่มโฆษณาตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนศกนี้เป็นต้นไป วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นตลาดคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี สำหรับงบประมาณ ททท.จัดสรรไว้ที่ 20 ล้านบาท แบ่งเป็น 15 ล้านบาท เพื่อจัดทำสื่อโฆษณา ทั้ง ทางโทรทัศน์ ,สปอร์ตวิทยุ และ พริ้นแอท อีก 5 ล้านบาท จะใช้เพื่อการสื่อซื้อโฆษณาใหม่ๆ นอกจากนั้น จะลงโฆษณาในสื่อที่ ททท.ได้ขัดซื้อไปแล้วเมื่อตอนต้นปีด้วย รวมถึงในรายการที่ ททท.เป็นผู้สนับสนุน
“งบรวมตลาดในประเทศ ททท.ได้รับจัดสรรมาทั้งสิ้นราว 70-80 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งเป็นการจัดกิจกรรม อีเว้นต์ ต่าง การร่วมสนับสนุน และ การโฆษณา ซึ่งนโยบายหลักของ ททท. จากนี้ไป เน้นเรื่องการหาพันธมิตร ทั้งที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยว และ ที่เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่อง อย่าง บัตรเครดิตเคทีซี และ วีซ่าการ์ด เป็นต้น
ผู้จัดการออนไลน์
Oasis นำแก๊งเด็กแนวคัพเวอร์ Sgt Pepper ของ Beatles
Oasis, the Killers และ Kaiser Chiefs วงดนตรีร็อคชื่อดังแห่งยุค เตรียมจะจับมือกันทริบิวผลงานเพลงจาก Sgt Pepper's Lonely Hearts Club Band อัลบั้มชื่อก้องของวง the Beatles เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีตั้งแต่ผลงานชุดนี้อุบัติขึ้นมาบนโลก และเปลี่ยนแปลงวงการดนตรีทั้งปวง ตามรายงานจาก nme.com
Sgt Pepper's Lonely Hearts Club Band อัลบั้มชุดที่ 8 ของ the Beatles ที่วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 1 มิ.ย. 1967 ซึ่งถือเป็นผลงานที่สร้างวัฒนธรรมใหม่ๆ และอิทธิพลให้กับวงการเพลงอย่างมหาศาล
เนื่องในโอกาสที่อัลบั้มดังกล่าวกำลังจะมีอายุครบ 40 ปี วงดนตรีชื่อดัง นำโดยวงที่อ้างถึงอิทธิพลของวงเขามากที่สุดอย่าง Oasis จะร่วมกันคัพเวอร์บทเพลงอมตะในชุดดังกล่าวสำหรับการออกอากาศทางสถานีวิทยุ BBC2 ของอังกฤษในวันที่ 2 มิ.ย.นี้
โดยศิลปินที่ร่วมโปรเจ็คท์นี้ด้วยมีทั้ง the Killers, Kaiser Chiefs, Razorlight, เจมส์ มอร์ริสัน, the Fratellis และ Travis
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญดังกล่าวได้แก่ศิลปินนักเคลื่อนไหวตัวยงอย่าง บ็อบ เกลดอฟ แห่ง Live 8 ที่กล่าวว่าวงดนตรีทั้งหมดที่มาร่วมงานจะไปบันทึกเสียงกันที่ Abbey Road สตูดิโอในลอนดอน ที่เดียวกับที่วงบีทเทิลเคยสร้างสรรค์บทเพลงอันยอดเยี่ยมมาแล้วมากมาย
ทาง BBC รายงานว่า เจฟ เอเมอริค ผู้ที่เป็นซาวด์เอนจิเนียร์ Sgt Pepper ต้นตำรับเผยว่าจะใช้เครื่องมือเดียวกันกับที่สมาชิกของสี่เต่าทองเคยใช้ในการบันทึกเสียงครั้งนี้เช่นกัน
เกลดอฟ เผยว่าเขากำลังชักชวนศิลปินรายอื่นๆ ให้เข้ามาร่วมโปรเจ็คท์นี้อีก โดยเฉพาะยอดวงอย่าง U2 ที่เขาต้องการให้มาร่วมงานด้วยเป็นพิเศษ
เลสลี ดักลาส คอนโทรลเลอร์ของ Radio 2 กล่าวว่า "มันจะไม่ใช่แค่โชว์ทางวิทยุที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ถือเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ของวงการดนตรีเลยทีเดียว ทั้งความหลากหลายและคุณภาพของศิลปินที่มาร่วมงานมั่นใจได้เลยว่ามันจะเป็นการทริบิวให้กับอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้อย่างเหมาะสมที่สุด"
ยังไม่รายงานว่าศิลปินแต่ละรายจะนำเพลงใดมาคัพเวอร์กันบ้าง
ผู้จัดการออนไลน์
“ทิพาวดี” โยน ครม.ชี้ชะตากรรม “ทีไอทีวี” 24 เม.ย.นี้
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
“รมต.ประจำสำนักฯ” เตรียมโยน ครม.กำหนดชะตากรรม “ทีไอทีวี” 24 เม.ย. หลังประชาชนต้องการทีวีสาธารณะ-เสรี ปราศจากการถูกครอบงำจากกลุ่มทุน วาดฝันเอสดียูจะคลอดเร็วๆ นี้
วันนี้ (11 เม.ย.) คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการกำหนดอนาคตสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา นางดรุณี หิรัญรักษ์ ประธานคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อกำหนดอนาคตของสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ ได้รายงานว่า จากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแล้วเห็นว่าควรมีทั้งทีวีสาธารณะ และทีวีเสรี คือต้องการให้มีทีวีทั้ง 2 ช่อง โดยทีวีสาธารณะจะต้องเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ไม่มีโฆษณา ไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของทุน ประชาชนมีส่วนร่วม และรัฐก็จะสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อผลิตรายการสาระความรู้
รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับรูปแบบของทีวีเสรีนั้นสามารถประกอบกิจการเชิงพาณิชย์ได้ โดยจะให้มีโฆษณาและกระจายหุ้นให้เอกชนร่วมถือ แต่ไม่ให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นเจ้าของ ต้องกระจายหุ้นกันไปให้ส่วนต่างๆ เพื่อให้ปลอดการครอบงำของกลุ่มทุน โดยเราจะดำเนินการทุกอย่างโดยไม่รีรอ อย่างไรก็ตาม ตนจะนำข้อเสนอเหล่านี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.ในวันที่ 24 เมษายนต่อไป
“การจะได้ทีวีเสรี และทีวีสาธารณะขึ้นมา 2 ช่องนั้นจะต้องเร่งยกร่างกฎหมายขึ้น 2 ฉบับ โดยขณะนี้ นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิช และทีมงานก็กำลังเตรียมยกร่าง แต่การจะขอคลื่นโทรทัศน์ขึ้นมาอีกหนึ่งช่องนั้นจะต้องรอให้ กสช.เกิดเสียก่อน เพราะหากมีทีวีขึ้นมาอีกหนึ่งช่องจะติดขัดในข้อกฎหมายของ พ.ร.บ.คลื่นความถี่ มาตรา 80”
คุณหญิงทิพาวดี กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาของทีไอทีวีนั้น ปัญหาเฉพาะหน้านั้นคาดว่า เร็วๆ นี้องค์กรรูปแบบพิเศษ (เอสดียู) จะแล้วเสร็จ โดยล่าสุดกรมประชาสัมพันธ์ได้เสนอแผนการเงินไปยังคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด ก.พ.ร.ในวันที่ 20 เมษายนนี้
ผู้จัดการออนไลน์
ASTV คว้ายอดเยี่ยม ข่าวเหตุการณ์รางวัลแสงชัยฯ
ภาพ ตร.สั่งกุ๊ยกระทืบผู้หญิง-คนแก่ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ผลงาน เอเอสทีวี คว้ารางวัลยอดเยี่ยม ภาพข่าวเหตุการณ์ ในการประกาศรางวัล “แสงชัย สุนทรวัฒน์” ประจำปี 2549 ทีมงานเผยภูมิใจ และมีกำลังใจ เพราะทุกคนต่างทุ่มเท และอยู่ท่ามกลางความกดดันของฝ่ายเชียร์ และฝ่ายต้านระบอบทักษิณ
วันนี้ (11 เม.ย.) ที่ห้องส่ง 1 อสมท ถ.พระราม 9 สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มูลนิธิแสงชัย สุนทรวัฒน์ และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ร่วมจัดงานประกาศผลข่าว-สารคดีโทรทัศน์และวิทยุ รางวัลแสงชัย สุนทรวัฒน์ ประจำปี 2549 เพื่อประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลแก่เจ้าของผลงานที่มีคุณภาพ มีคุณค่าต่อการสร้างสรรค์ และมีศักยภาพนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีขึ้น ปีนี้มีผลงานที่ส่งเข้าประกวดด้านข่าวโทรทัศน์ มีทั้งหมด 35 เรื่อง ด้านวิทยุ 24 เรื่อง ส่วนรางวัลข่าวโทรทัศน์ท้องถิ่น มีข่าวเข้าประกวด 26 เรื่อง
ผลการประกาศรางวัล ปรากฏว่า ข่าวโทรทัศน์ประเภทข่าวเหตุการณ์ รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “เหยื่อระบอบทักษิณ” จากสถานีโทรทัศน์ ASTV NEWS 1 โดยภาพดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ขณะที่กลุ่มอันธพาลไล่รุมทำร้ายชายชรา และผู้หญิงที่ไปประท้วงขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2549 โดยมีพ.ต.อ.ฤทธิรงค์ เทพจันดา อดีตผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน นครบาล 6 เป็นผู้ยื่นสั่งการ ซึ่งภาพดังกล่าวกลายเป็นหลักฐานที่ คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิด พ.ต.อ.ฤทธิรงค์ ถึงขั้นไล่ออกจากราชการ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ประชาชนทั่วไปยังไม่มีโอกาสได้ชมมากนัก เนื่องจากมีการนำออกอากาศเฉพาะเอเอสทีวีเท่านั้น และเพิ่งได้ออกฟรีทีวีครั้งแรกผ่านรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ที่ได้ออกอากาศทางช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อประชาชนจำนวนมากได้ชมภาพดังกล่าวต่างแสดงความประหลาดใจ เพราะเพิ่งทราบว่ามีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการบันทึกภาพเหตุการณ์บริเวณหน้าตึกเซ็นทรัลเวิลด์ ของสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีนั้น ใช้ทีมช่างภาพจำนวน 6 คนด้วยกัน ประกอบด้วย นายทศพล โอมานนท์ นายอังคาร รัตนะ นายเมธี สายศร นายกมล กลีบศรี นายบัญชา แก้วประชุม และนายนำพล ภูมิอมร ช่างภาพโทรทัศน์ประจำสถานีโทรทัศผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี
นายนำพล กล่าวถึงรางวัลที่ได้รับ ว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับรางวัลแสงชัย สุนทรวัฒน์ เพราะทุกคนต่างทุ่มเททำงาน และอยากให้ได้ภาพที่ดีที่สุด ซึ่งการทำงานในเวลานั้นค่อนข้างกดดัน เนื่องจากอยู่ท่ามกลางกลุ่มของผู้ขับไล่ทักษิณ และเชียร์ทักษิณ
“ทีมของผมเป็นทีมที่ต้องตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งไปเปิดงานที่ตึกดังกล่าว หลังจากเปิดงานแล้วก็ลงมาจากตึก ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเสียงดัง ผมรีบออกวิ่งไปดู และเก็บภาพได้พอดี ซึ่งตอนนั้นชุลมุนมาก ต้องบอกให้ผู้สื่อข่าวหลบไปจากตรงนั้นก่อน ขณะที่ถ่ายภาพอยู่ก็ต้องระวังหลังไปด้วย แต่เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ เพราะต้องการให้ได้ภาพที่ดีที่สุด”
ด้าน นายอังคาร กล่าวว่า สถานการณ์ในวันเกิดเหตุนั้นค่อนข้างตึงเครียด เพราะมีทั้งกลุ่มที่ตะโกนทักษิณสู้ๆ และทักษิณออกไป ซึ่งตนคาดว่าอาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น จึงระมัดระวังและเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ทำให้สามารถเก็บภาพได้ทันเวลา
“ในการไปทำงานครั้งนั้น พนักงานเอเอสทีวีทุกคนต้องเก็บบัตรไว้ เพราะเราได้รับความกดดันมาตลอดจนทุกคนรู้ว่าต้องไม่แขวนบัตร รางวัลที่ได้รับมาผมรู้สึกดีใจ และภูมิใจมากเป็นกำลังใจให้กับพนักงานเอเอสทีวีทุกคน แต่ก็ยังเสียใจที่ตอนนั้นไม่สามารถช่วยลุงที่ถูกทำร้ายได้มากนัก” นายอังคาร กล่าว
อนึ่ง สำหรับการประกาศรางวัลแสงชัย สุนทรวัฒน์ ประจำปี 2549 นี้ ทางคณะผู้จัดการประกวด มีมติเพิ่มรางวัล 2 รางวัล คือ 1.รางวัลเกียรติยศสื่อมวลชนที่สร้างคุณูปการให้กับวงการวิทยุโทรทัศน์ในเมืองไทย ได้แก่ นายสรรพสิริ วิรยศิริ อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด และสถานีวิทยุกระจายเสียง ททท.นักสื่อสารมวลชนผู้ยืนหยัดการทำงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บุกเบิกวงการข่าวโทรทัศน์ยุคแรก และได้นำเสนอภาพความรุนแรงของเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จึงเป็นสาเหตุทำให้ต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา และ 2.รางวัลข่าวโทรทัศน์ท้องถิ่น รางวัลดีเด่น ได้แก่ เรื่อง “โรงงานถ่านหิน” จากบริษัท มหาชัยเคเบิลทีวี จำกัด รางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “น้ำท่วมเกลือ” จากบริษัท บางละมุงเคเบิลทีวี จำกัด
สำหรับผลรางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวด้านโทรทัศน์ ดังนี้
ข่าวโทรทัศน์ประเภทสืบสวนสอบสวน รางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “ขบวนการขายวิวข้ามชาติ” จากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี
ข่าวโทรทัศน์ประเภทสารคดีเชิงข่าวในรายการข่าวโทรทัศน์ รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “เผชิญความตายอย่างสงบ” จากสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 และรางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “ไฟใต้ยังไม่ดับ” จากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี
ข่าวโทรทัศน์ประเภทสารคดีเชิงข่าวในรายการโทรทัศน์ทั่วไป รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “ในน้ำมีปลา ในนาน้ำ (ตา) ท่วม” ของบริษัท ทีวีบูรพา จำกัด เสนอทางสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ ทีวี รางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “เหลี่ยมชีวิตทักษิณ ชินวัตร” จากเนชั่นแชนนัล
ข่าวโทรทัศน์ประเภทข่าวเหตุการณ์ รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “เหยื่อระบอบทักษิณ” จากสถานีโทรทัศน์ ASTV NEWS 1 รางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “รถติดแก๊สระเบิด” จากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี
ผลรางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวด้านวิทยุ ดังนี้
ข่าววิทยุประเภทข่าวประกอบเสียง รางวัลดีเด่น ได้แก่ เรื่อง “น้ำมันปนน้ำ” จากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ รางวัลชมเชย ได้แก่ เรื่อง “ความเห็นประชาชนต่อการชุมนุมที่ ถ.พระราม 1” จากสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ข่าววิทยุประเภทสารคดีวิทยุ รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ เรื่อง “เหยื่อ…จรรยาบรรณ” จากสำนักข่าวไทย อสมท รางวัลชมเชย 2 รางวัล ได้แก่ เรื่อง “โครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” จากสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเรื่อง “สิทธิมนุษยชนคนแม่ตาว” จากสำนักข่าวไทย อสมท
ทั้งนี้ คณะผู้จัดการประกวดยังได้ประกาศเกียรติคุณสำหรับนักข่าว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานของสื่อมวลชนที่มีคุณภาพสู่สังคมไทยต่อไป
สำหรับการประกวดรางวัล แสงชัย สุนทรวัฒน์ ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 11 โดยมูลนิธิ แสงชัย สุนทรวัฒน์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกแด่นายแสงชัย สุนทรวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการ อสมท ซึ่งถูกลอบยิงเสียชีวิต เนื่องจากการเข้าไปขัดขวางขบวนการทุจริตใน อสมท
ผู้จัดการออนไลน์
“ทีไอทีวี” ระส่ำหนัก! “ทนายคู่หู” แพแตก-แยกทางยึดจุดยืน
“ทีไอทีวี” ระส่ำหนัก!เหตุ “ทนายคู่หัวหมอ” กลายเป็นคู่หูแพแตก-เพราะเห็นต่างกรณีจุดยืนต่อสถานการณ์บ้านเมือง จน “ทนายวันชัย” หันไปจัดรายการวิทยุกับ “มัลลิกา” แย้มจับตา “ฝ่ายข่าว” กุมอนาคตหม้อข้าวตัวเอง
วานนี้ (11 เม.ย.) แหล่งข่าวจากสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาของพนักงานในทีไอทีวีว่า นับตั้งแต่การประกาศลาออกของ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล ผู้ดำเนินรายการร่วมมือร่วมใจ เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูปทีไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะว่า นอกจากนั้นยังมีความขัดแย้ง และความเห็นต่างในหมู่พนักงานมากขึ้น โดยมีทั้งที่เห็นด้วยกับ น.ส.มัลลิกา และไม่เห็นด้วย และยังมีปัญหาถึงการแดสงออกของพนักงานทีไอทีวีว่ามีความเหมาะสม หรือไม่ ในฐานะสื่อมวลชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการชุมนุมเรียกร้องให้ออนแอร์ทีไอทีวีนั้น ระดับหัวหน้าข่าวบางคนถึงกับสั่งให้มีการเกณฑ์ชาวบ้านที่เคยมาร้องเรียนให้ไอทีวีช่วยเหลือ พากันมาร่วมชุมนุมต่อต้านคำสั่งปิดไอทีวี จนรัฐบาลต้องยอมสั่งให้ออกอากาศ
“ล่าสุดก็ถึงคราวอวสานของทนายความหัวหมอ คู่หูคู่ฮา คือทนายวันชัย สอนศิริ กับทนายประมาณ เลืองวัฒนวณิช ที่จัดรายการในไอทีวีมาหลายปี และเป็นรายการที่มีเรตติ้งค่อนข้างดี โดยเฉพาะรายการตีข่าวเล่าความในช่วงเช้าของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี แต่ทนายทั้ง 2 เริ่มไม่ลงรอยกัน หรือไม่เข้าขากันในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทนายวันชัย ค่อนข้างจะโน้มเอียงมาทั้งพันธมิตรฯ ในขณะที่ทนายประมาณ โน้มเอียงไปทางสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงขนาดไปว่าความในศาลปกครองให้กรณีคดีไอทีวีกับ สปน.ด้วย และกล่าวในระหว่างชุมนุมที่ไอทีวีว่า ถ้ากฎหมายไม่ดี รัฐบาลก็ควรแก้กฎหมายเพื่ออุ้มไอทีวี”แหล่งข่าว ระบุ
แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวอีกว่า ในที่สุดทนายทั้ง 2 ก็ต้องแยกทางกัน โดยไม่มีการจัดรายการร่วมกันในทีไอทีวี และเป็นจุดจบของทนายคู่หูคู่ฮา ซึ่งในปัจจุบันทนายวันชัย ออกมาจัดรายการเต็มตัวกับ น.ส.มัลลิกา ในรายการคุยข่าวเล่าความ ทางสถานีวิทยุ Fm 105 ทุกวัน ส่วนสถานการณ์ในทีไอทีวี ก็ยังคงไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาลว่า จะแก้ปัญหาอย่างไรทำให้พนักงานเริ่มทยอยออกไปหางานใหม่ จะเหลือก็เพียงฝ่ายข่าว ซึ่งกำลังถูกจับตามมองว่ากำลังคิดอะไร และมีแผนอะไรกับอนาคตทีไอทีวี
ผู้จัดการออนไลน์
“ป๋าเปรม” เตือนสติคนไทย ต้องระลึกถึงบุญคุณชาติ!
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ รัฐบุรุษ
“ป๋าเปรม” อวยพรเตือนสติประชาชนเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ย้ำชัดต้องระลึกถึงบุญคุณ “ประเทศชาติ” ระบุคนไทยต้องรัก-สามัคคีกันจะช่วยให้ชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข ก่อนปัดตอบคำถาม คมช.ไม่กินเส้นรัฐบาล
วานนี้ (11 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานพิธีบังสุกุลอัฐิบรรพบุรุษ “ตระกูลติณสูลานนท์” โดยมีคนในตระกูลเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก ทั้งนี้ พล.อ.เปรม ได้กล่าวอวยพรประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า วันสงกรานต์เป็นวันที่ต้องระลึกถึงบุญคุณ ว่าอะไรที่มีบุญคุณต่อเรา ดังนั้นต้องระลึกถึงสิ่งที่มีบุญคุณต่อเรามากที่สุดคือ ชาติของเรา ดังนั้นคนไทยควรระลึกถึงชาติมากที่สุด โดยชาติของเราจะมีความร่มเย็นเป็นสุขได้ เพราะคนไทยมีความรัก และความสามัคคีต่อกัน
เมื่อถามว่า แสดงว่าคนไทยมีความแตกแยกกันหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า อย่าไปพูดว่าแตกแยกเลย เพียงแต่ไม่ค่อยระลึกถึงความสามัคคี ควรจะให้คนไทยระลึกถึงว่าความสามัคคีเป็นสิ่งที่ดี และเป็นสิ่งที่คนไทยควรจะทำให้มีขึ้นระหว่างนี้ ส่วนประชาชนมีความเป็นห่วงกรณีความสัมพันธ์ระหว่างคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กับ รัฐบาล ว่าจะมีความขัดแย้งกันนั้น พล.อ.เปรม กล่าวว่า “อันนี้ผมพูดไม่ได้”
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 12 เม.ย.นี้ เวลา 15.00 น. พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะนำคณะนายทหารเข้าร่วมอวยพร พล.อ.เปรม เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2550 ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ โดยมีนายทหารระดับสูงที่เข้าร่วมอวย อาทิ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล กับ คมช.
สำหรับกำหนดการเดิม พล.อ.สุรยุทธ์ และคณะนายทหาร จะเดินทางเข้าอวยพร พล.อ.เปรม ในช่วงเช้า เวลา 09.00 น. แต่เนื่องจาก พล.อ.สนธิ ติดภารกิจปฏิบัติราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้มีการเลื่อนกำหนดมาในช่วงบ่าย เวลา
ผู้จัดการออนไลน์
พิลึก! “สุรยุทธ์” ชวน “สื่อ” ลุยใต้-กลับให้เซ็นรับยอมตายฟรี
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี
“สุรยุทธ์” ทำพิลึก ชวน “สื่อทำเนียบฯ” ลงพื้นที่ใน 3 จ.ชายแดนภาคใต้-แต่เจ้าตัวกลับไม่นอนค้างคืนด้วย แถมให้สื่อเซ็นลงนามยอมตายฟรีหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด จนอาจทำให้เกิดความสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สิน
วานนี้ ( 11 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์เลื่อนกำหนดการพาสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล เดินทางลงพื้น 3 จ.ชายแดนภาคใต้ เป็นวันที่ 19-21 เม.ย.นี้ โดยจากเดิมวันที่ 18-20 เม.ย. ทำให้สำนักโฆษกสำนักนายกฯ ต้องรีบประสานไปยังพื้นที่เพื่อเปลี่ยนแปลงกำหนดการทั้งหมด ทั้งเรื่องการเดินทางโดยเครื่องบินซี 130 และรถบัสที่เตรียมไว้สำหรับคณะสื่อมวลชน และโรงแรมที่พัก รวมไปถึงแผนรักษาความปลอดภัยที่เจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร และตำรวจ จัดเตรียมไว้ด้วย ส่วนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทางโฆษกรัฐบาลอ้างว่า นายกฯ ติดภารกิจในวันที่ 19 เม.ย.ที่กรุงเทพฯ แต่ไม่สามารถทราบว่าเป็นภารกิจใด
ล่าสุด แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.ต.สุรพล อุดมชัยรัตน์ ช่วยราชการสำนักโฆษกสำนักนายกฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สำนักโฆษกฯ ปรึกษาไปยังทีมกฎหมายสำนักนายกฯ เพื่อทำหนังสือให้ผู้สื่อข่าวที่ลงชื่อร่วมเดินทางไปในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนภาคใต้ทั้งสิ้น 68 คน ลงนามยอมรับข้อตกลงว่า หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจนทำให้เกิดความสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สิน จะไม่เรียกร้องค่าเสียหาย หรือค่าชดเชยใดๆ จากภาครัฐ
“ทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ และไม่กล้าร่างหนังสือดังกล่าว เนื่องจากทุกคนทราบดีว่าการไปพื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก และที่สำคัญนายกฯ เป็นผู้ออกปากชักชวนสื่อทำเนียบลงสัมผัสพื้นที่พร้อมกับตัวเอง แต่นายกฯ กลับลงพื้นที่เพียงแค่วันที่ 20 เม.ย.วันเดียว โดยไม่ค้างคืน ขณะที่สื่อจะต้องอยู่ในพื้นที่ 3 วัน 2 คืน”แหล่งข่าว ระบุ
ผู้จัดการออนไลน์